วิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายมีอยู่หลายชนิด หนึ่งในนั้นก็คือ วิตามินบี ซึ่งเป็นวิตามินที่ถูกแบ่งออกเป็นชนิดอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าวิตามิน B ไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง จากการที่มีวิตามินบีค่อนข้างเยอะ จึงอาจทำให้ไม่สามารถจำได้หมดว่าแต่ละชนิดจะช่วยเรื่องไหนบ้าง ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักวิตามิน B แต่ละตัวให้มากยิ่งขึ้น พร้อมบอกประโยชน์ของแต่ละชนิดว่าช่วงเรื่องอะไรบ้าง โดยจะอธิบายออกมาให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด อ่านจบคุณจะเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของวิตามิน B แต่ละชนิดมากยิ่งขึ้นแน่นอน
ทำความรู้จักวิตามิน B ไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง และคุณประโยชน์ของแต่ละชนิด
วิตามิน B ไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง? ใครอยากรู้เรื่องนี้สามารถเข้ามาหาคำตอบผ่านหัวข้อนี้ก่อนได้ เพราะเราได้รวบรวมมาฝากว่าวิตามินบีมีอะไรบ้างพร้อมประโยชน์ของวิตามินบีแต่ละชนิด อ่านจบจะทำให้คุณเข้าใจประโยชน์ต่าง ๆ และเลือกกินวิตามินบีได้เข้ากับปัญหาที่คุณกำลังพบอยู่อย่างแน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าวิตามินบีรวมช่วยอะไรและแต่ละชนิดมีประโยชน์อะไรบ้างก็ไปติดตามกันเลยดีกว่า
วิตามินบี 1
สำหรับวิตามินบี 1 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไทอะมีน เป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้ จัดอยู่ในกลุ่มวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมเอาไว้ และถ้ามีอยู่ในปริมาณที่มากเกินไปจะถูกขับออกมา ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับวิตามินบี 1 ในทุก ๆ วัน หลายคนเรียกวิตามินบี 1 ว่าเป็นวิตามินที่ช่วยเสริมขวัญกำลังใจ เพราะมีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
แหล่งที่พบวิตามินบี 1 จะมีในผัก ถั่วเหลือง เปลือกข้าว ไข่แดง เนื้อหมูไม่ติดมัน และอื่น ๆ สิ่งที่จะทำให้วิตามินบี 1 สลายหายไปก็คือ การปรุงอาหาร เพราะถ้าเป็นการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงอาจทำให้ปริมาณวิตามินบี 1 ลดลงได้ สำหรับผู้ที่ต้องการวิตามินบี 1 ในปริมาณที่มากกว่าปกติคือกลุ่มคนที่ชอบกินอาหารรสหวาน สูบบุหรี่และดื่มเหล้าเป็นประจำ ประโยชน์มีหลากหลายอย่างไม่ว่าจะเรื่องเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง รวมไปถึงช่วยย่อยแป้งได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
วิตามินบี 2
วิตามิน B ไหนช่วยเรื่องอะไรบ้างเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ โดยในส่วนนี้เราจะแนะนำว่าวิตามินบี 2 คืออะไรและช่วยเรื่องอะไรบ้าง วิตามินบี 2 หรือที่เรียกว่าไรโบฟลาวิน เป็นสารอาหารที่พบได้ในอาหารต่าง ๆ ที่มาจากธรรมชาติ แต่ก็มักพบว่าหลายคนขาดวิตามินตัวนี้จนแพทย์แนะนำให้ทานอาหารเสริมเพิ่มเติม หน้าที่ของวิตามินตัวนี้คือ ช่วยเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนในร่างกายให้เปลี่ยนแปลงไปเป็นสารอาหารที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
ส่วนใหญ่จะพบในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม และพบในอาหารอื่น ๆ เช่น เนื้อแดง ไข่แดง อัลมอนด์ โดยปกติวิตามินบี 2 เป็นชนิดที่ร่างกายไม่มีการสะสมเอาไว้ จึงควรบริโภคในทุก ๆ วัน สำหรับประโยชน์ของวิตามินบี 2 จะมีหลากหลายอย่าง ทั้งช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของร่างกาย บำรุงผม เล็บและผิวพรรณ ช่วยบรรเทาอาหารปวดไมเกรน รวมไปถึงส่งผลต่อการเผาผลาญแป้ง โปรตีนกับไขมันในร่างกายอีกด้วย
วิตามินบี 3
สำหรับวิตามินบี 3 จะมีชื่อเรียกค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นไนอะซิน, ไนอะซินาไมด์, นิโคตินาไมด์ และกรดนิโคตินิก ซึ่งวิตามินชนิดนี้จะสามารถละลายน้ำได้ ทนทานต่อการนำไปปรุงเป็นอาหาร เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง แต่ถ้าขาดวิตามินตัวอื่น ๆ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการสร้างวิตามินบี 3 ได้ สำหรับวิตามินบี 3 นอกจากจะสร้างขึ้นเองได้แล้วยังพบได้ตามธรรมชาติทั้งในไข่, เนื้อไม่ติดมัน, ถั่วลิสง, อินทผลัมและอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าหากรับประทานในปริมาณมากเกินไปอาจจะทำให้มีโอกาสเกิดโรคเกาต์ได้
ประโยชน์ของวิตามินบี 3 มีหลากหลายอย่าง ทั้งเรื่องการช่วยให้การทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกายมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการย่อยอาหาร รวมไปถึงการบำรุงผิวพรรณ เพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ทำงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง
วิตามินบี 5
กรดแพนโทธีนิคหรือที่รู้จักกันในชื่อวิตามินบี 5 เป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำได้เป็นอย่างดี โดยวิตามินชนิดนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ชนิดที่อยู่ในแหล่งอาหารเท่านั้น และชนิดที่มาจากสารสกัดแห่งอาหาร เป็นวิตามินที่พบได้ในเนื้อ นม ไข่ และธัญพืชต่าง ๆ ประโยชน์ของวิตามินบี 5 มีหลากหลายทั้งการช่วยเปลี่ยนสารอาหารต่าง ๆ ให้กลายเป็นพลังงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในร่างกายได้
รวมไปถึงเรื่องการช่วยบำรุงผิวพรรณ เพิ่มความชุ่มชื้นและสร้างความเรียบเนียนให้กับผิว นอกจากนี้วิตามินบี 5 ยังมีส่วนช่วยต่อต้านการอักเสบของร่างกายและบรรเทาอาการคันได้อีกด้วย ใครที่รู้สึกว่าร่างกายระคายเคืองหรือแพ้ง่าย เราแนะนำให้เสริมวิตามินบี 5 ในร่างกายจะช่วยได้เยอะเลย
วิตามินบี 6
ไพริดอกซีนหรือวิตามินบี 6 เป็นสารอาหารอีกหนึ่งชนิดที่สำคัญต่อร่างกาย เพราะมีส่วนช่วยรักษาอาการโลหิตจาง รวมไปถึงอาหารชักบางรูปแบบด้วย โดยวิตามินชนิดนี้จะพบได้ในอาหารหลากหลายชนิด เช่น กล้วย, แครอท, ผักโขม, ธัญพืชและอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ต้องแนะนำก่อนว่าการให้กินอาหารเสริมที่มีวิตามินบี 6 เป็นส่วนประกอบหลักให้ระวังผู้ที่มีประวัติแพ้และไม่ควรใช้ในเด็กเพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ได้
ประโยชน์ของการเกิดวิตามินบี 6 มีหลายอย่างทั้งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ลดอาการง่วงเพลีย รวมไปถึงการชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายอีกด้วย วิตามินบี 6 เป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการในทุก ๆ วัน เพราะละลายน้ำได้ และถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติในระยะเวลา 8 ชั่วโมง มั่นใจได้ว่าจะไม่ตกค้างหรือเป็นอันตรายกับร่างกายแน่นอน
วิตามินบี 7
สำหรับวิตามินบี 7 หรือที่เรียกว่าคือ ไบโอติน เป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้ มีส่วนสำคัญที่ช่วยเผาผลาญโปรตีนและไขมันในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย ถ้าใครกำลังหาคำตอบอยู่ว่าวิตามิน B ไหนช่วยเรื่องอะไรบ้างก็ลองมาดูประโยชน์ของวิตามินบี 7 ก่อนได้ เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันผมหงอก บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังส่งผลต่อระบบเผาผลาญอีกด้วย ป้องกันโรคเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะ บรรเทาอาการผื่นคันต่าง ๆ ปกป้องและบำรุงเล็บให้แข็งแรง สำหรับแหล่งที่พบวิตามินบี 7 เป็นจำนวนมากคือ ไข่แดง, นม, เนย, ถั่วลิสง, แป้งถั่วเหลืองและอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มวิตามินบี 7 ได้จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ ด้วย
วิตามินบี 9
สำหรับวิตามินบี 9 หรือที่รู้จักกันในชื่อกรดโฟลิก เป็นวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย เพราะส่งผลต่อการสร้างเม็ดเลือด ยิ่งคนที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์จะต้องการวิตามินตัวนี้เป็นพิเศษเลย โฟลิกส่วนใหญ่จะพบได้ตามเครื่องในสัตว์, น้ำนม, ถั่วเมล็ดแห้ง, เห็ด และพบตามน้ำผลไม้ต่าง ๆ
ประโยชน์ของวิตามินบี 9 มีหลากหลายทั้งช่วยส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคโลหิตจาง และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเลือด นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการเสริมสร้างพัฒนาการของร่างกายแล้วยังช่วยบำรุงระบบประสาทกับสมองอีกด้วย ส่วนใหญ่คนที่ขาดวิตามินบี 9 มันจะเป็นคนที่ลำไส้ดูดซึมได้แย่ ดื่มเหล้าเป็นประจำ รวมไปถึงผู้ป่วยบางโรค เช่น โรคไตและโรคหัวใจ
วิตามินบี 12
วิตามินบีสุดท้ายที่เราจะแนะนำคือ วิตามินบี 12 ซึ่งเป็นวิตามินบีที่สามารถละลายในน้ำได้ มีส่วนสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ช่วยให้การทำงานของระบบประสาทและสมองมีประสิทธิภาพ ส่วนมากมักจะพบวิตามินชนิดนี้ในเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลา, สัตว์ปีก และเนื้อแดง ประโยชน์ของวิตามินบี 12 มีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งช่วยให้การทำงานของระบบประสาทมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในร่างกายทำงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความอยากอาหารในเด็กอีกด้วย
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการกินวิตามิน B รู้ไว้มีประโยชน์ชัวร์!
คงรู้กันแล้วว่าวิตามิน B ไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง? ถัดมาเราจะแนะนำเกร็ดความรู้อื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการกินวิตามิน B ใครที่อยากจะเริ่มต้นเสริมวิตามิน B แต่ยังไม่รู้ว่าวิตามินบีกินตอนไหนได้ประโยชน์มากที่สุด สามารถมาหาคำตอบเรื่องที่สงสัยผ่านหัวข้อนี้ก่อนได้ เราได้รวมช่วงเวลาที่เหมาะสม พร้อมแนะนำแหล่งรวมวิตามิน B ที่จะทำให้คุณซ่อมแซมสารอาหารที่ขาดหายในร่างกายได้ โดยจะมีเกร็ดความรู้ในเรื่องไหนบ้างไปติดตามได้เลย
- ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการกินวิตามินบีคือช่วงเช้าหรือระหว่างมื้ออาหาร เนื่องจากเหมาะกับการกินตอนท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้เป็นอย่างดี และต้องอย่ากินตอนช่วงใกล้นอนเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สมองตื่นตัวจนนำไปสู่อาการนอนไม่หลับได้
- วิตามินบีเป็นสารอาหารที่พบได้จากเนื้อสัตว์ พืชผักสีเขียว ข้าวโอ๊ต ถั่วเหลือง เนื้อสัตว์ ไข่แดง และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาออกมาในรูปแบบอาหารเสริมเม็ดฟูและอาหารเสริมแบบเม็ดด้วย
- วิตามินบีรวมเป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ ดังนั้นจึงต้องกินในทุก ๆ วันเพื่อให้ร่างกายรับสารอาหารเข้าไปอย่างเพียงพอ ส่วนใหญ่จะช่วยเรื่องการเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน รวมไปถึงการช่วยส่งเสริมให้การทำงานของระบบประสาทและสมองมีประสิทธิภาพ
- สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน, โรคตับ, มีประวัติแพ้ยา รวมถึงกำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ แนะนำว่าก่อนที่จะกินอาหารเสริมซึ่งมีวิตามินบีเป็นส่วนประกอบ ควรที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ดีก่อน เพราะในบางรายถ้ากินในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงได้
หลังจากที่ไปดูกันมาแล้วว่าวิตามิน B ไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนเลือกวิตามิน B ที่เหมาะสมกับตัวเองกันได้อย่างแน่นอน เพราะแต่ละชนิดที่เรารวมประโยชน์มาฝากจะมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป หากคุณขาดในเรื่องไหนก็สามารถเลือกบำรุงเฉพาะส่วนที่ขาดได้เลย นอกจากวิตามิน B จะมีอยู่ตามอาหาร ผัก และผลไม้ต่าง ๆ แล้ว คุณสามารถเสริมได้ด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากินได้ด้วย แต่สิ่งสำคัญของการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคือ ควรเลือกที่ผ่านการรับรองมาแล้วว่าปลอดภัย เพื่อให้ได้ประโยชน์จริง ๆ และไม่เป็นอันตรายกับร่างกาย
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)
- https://www.wongnai.com/articles/vitamin-b
- https://www.paolohospital.com/th-TH/phahol/Article/Details/บทความ-วิตามิน/เรื่องจริงจาก-8--วิตามิน-B-
- https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2073066
📕 อ้างอิงรูปภาพ
- https://www.disthai.com/images/content/original-1634883247243.jpg
- https://www.disthai.com/images/editor/วิตามินบี-2.jpg
- https://res.cloudinary.com/dk0z4ums3/image/upload/v1685101514/attached_image_th/foodshighinniacinvitaminb3asliverchickenbreast.jpg