อาหารว่าง เป็นอาหารเบาๆ ที่รับประทานเล่นรองท้องพอแก้หิว สามารถช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานหนักได้ โดยในวัฒนธรรมทางตะวันตกนั้นก็นิยมรับประทานอาหารว่างกันอยู่แล้ว ซึ่งจะรู้จักกันในฐานะ Afternoon Tea หรือ การดื่มน้ำชายามบ่าย ซึ่งจะกินคู่กับขนมจำพวก สคอน คุกกี้ แซนด์วิชเล็ก ๆ ส่วนของคนไทยนั้นก็มีวัฒนธรรมการรับประทานอาหารว่างไทย มาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 4 คณะราชทูตตะวันตกและพ่อค้าชาวต่างชาติได้นำวัฒนธรรมการรับประทานอาหารว่างมาเผยแพร่ โดยส่วนมาก อาหารว่างไทย นั้นจะเป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยว รสเค็ม รับประทานแล้วสดชื่น ช่วยให้เจริญอาหาร นอกจากรสชาติที่ชวนอร่อย พวกอาหารว่างไทยนั้นก็มาพร้อมกับความประณีตและความสวยไม่แพ้ชาติอื่นๆ เลย ใครที่สนใจจะทำ อาหารว่างของไทยนั้นแต่รู้จะทำเมนูไหนดี ทางเราก็ขอแนะนำอาหารว่างที่น่าสนใจให้เพื่อนๆ ได้ลองทำกันถึง 7 อย่างด้วยกัน
7 เมนูอาหารว่างไทย พร้อมเปิดครัววังหลวงที่บ้าน
1.หมูโสร่ง
เริ่มต้นด้วย อาหารว่างไทย ที่เป็นกระแสจากละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กับหมูโสร่ง เมนูกินเล่นแบบไทย ๆ พิถีพิถันสุดประณีต ถึงเครื่องถึงรส หอมกลิ่นสามเกลอ กรอบนอกเเน่นใน กัดไปคำไหนก็ละมุนสุดๆ
ส่วนผสมหมูโสร่ง
- หมูสับ 360 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- เส้นหมี่ซั่ว 1 ก้อน
- รากผักชี 3 ราก
- กระเทียมไทย 4 กลีบ
- พริกไทยขาว 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- ลูกผักชี ครึ่งช้อนชา
- เกลือหนึ่งหยิบมือ
- น้ำตาลหนึ่งหยิบมือ
- น้ำมันสำหรับทอด 1 ขวด
วิธีทำหมูโสร่ง
- ตำรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้เข้ากัน จากนั้นใส่หมูบดผสมลงไป จากนั้นใส่เกลือ น้ำตาล น้ำปลา ไข่ไก่ลงไป ผสมให้เข้ากันก่อนพักไว้
- นำเส้นหมี่ซั่วแช่น้ำประมาณ 10 นาที ก่อนนำขึ้นสะเด็ดน้ำ
- เมื่อเส้นหมี่เริ่มหายแข็งตัว ปั้นหมูเป็นก้อนกลม ก่อนนำเส้นหมี่ซั่วจำนวน 4 เส้นพันรอบๆหมู ให้เป็นรูปตะกร้อพักเตรียมทอด
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอดเปิดไฟแรง เมื่อน้ำมันร้อนลดเป็นไฟกลาง ก่อนนำหมูโสร่งที่เตรียมไว้ลงทอด และคอยกลับด้านให้สีเหลืองทอง เสร็จแล้วตักขึ้นแล้วนำมาซับน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ
2.ล่าเตียง
ล่าเตียงคืออาหารว่างอย่างหนึ่งซึ่งใช้ไข่โรยเป็นร่างแห ห่อไส้ที่ทำด้วยกุ้งผัดกับเครื่องปรุง ให้มีขนาดพอดีคำ ล่าเตียงเป็นอาหารว่างไทยโบราณที่หารับประทานได้ยาก เนื่องจากมีวิธีการปรุงที่ต้องใช้ศิลปะและต้องใช้ความประณีตในการทำเป็นอย่างมาก
ส่วนผสมล่าเตียง
เนื้อกุ้งสับหยาบ 200 กรัม
- ไข่เป็ด 3 ฟอง (ใช้ไข่ไก่แทนได้ แต่เวลาอาจจะห่อยากกว่าไข่เป็ด)
- กระเทียม 2 กลีบ
- พริกไทย 2 ช้อนชา
- เกลือหนึ่งหยิบมือ
- น้ำตาลหนึ่งหยิบมือ
- น้ำมันสำหรับผัด
วิธีทำล่าเตียง
- โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทย ให้เข้ากัน
- จากนั้นตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อย นำรากผักชี กระเทียม พริกไทยที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ตามด้วยเนื้อกุ้งสับ ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาล ผัดจนทุกอย่างนั้นเข้ากันแล้วตักขึ้นพัก
- ตอกไข่ตีให้เข้ากันจากนั้นตั้งกระทะเทฟลอน ทาน้ำมันบางๆ ใช้ไฟอ่อนนำมือจุ่มไข่เป็ดที่ตีไว้ ค่อยๆ โรยลงกระทะให้เป็นสาย ไขว้กันไปมาจนเป็นตาข่าย
- นำไข่ตาข่ายที่ทำไว้มาตัดขอบให้เรียบร้อย ใส่ไส้กุ้งตรงกลาง แล้วพับห่อให้เป็นทรงสี่เหลี่ยม พร้อมเสิร์ฟ
3.กระทงทอง
กระทงทองเป็นอาหารว่างไทยที่เกิดขึ้นในสังคมไทยหลังรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสปีนัง ที่นั่นมีอาหารหลากหลายรวมทั้ง อาหาร peranakan top hat ที่เป็นถ้วยแป้งกรอบทรงเหมือนหมวกยุโรปทางสูง จากนั้นบรรดาผู้ตามเสด็จได้สั่งอุปกรณ์เข้ามาเมืองไทย จนเป็นที่นิยมและเเพร่หลายต่อมา
ส่วนผสมกระทงทอง
- กระทงทองทอดสำเร็จรูป
- น้ำมันสำหรับทอด 1 ขวด
- ไก่หั่นชิ้น 350 กรัม
- หอมใหญ่หั่น 1 ถ้วย
- เมล็ดถั่วลันเตาต้มสุก 1 ถ้วย
- แครอทหั่นสี่เหลี่ยมต้มสุก 1 ถ้วย
- เนยสด 5 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 2-3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- แป้งสาลี 4 ช้อนโต๊ะ
- นมสด 1 ถ้วย
วิธีทำกระทงทอง
- ตั้งหม้อสำหรับทอดกระทงทองทอดสำเร็จรูป พอแป้งแข็งตัว ก็ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมันปล่อยให้เย็น เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด
- นำเนยสด 1 ช้อนโต๊ะผัดไก่ให้สุก ตักขึ้นพัก
- นำเนยสดที่เหลือใส่ในกระทะตั้งไฟพอละลาย ใส่หอมใหญ่ลงผัดจนสุกและเหลือง นำแป้งสาลีละลายกับนมสด จากนั้นคนเรื่อยๆ อย่าให้แป้งเป็นเม็ด ใส่ในหอมใหญ่พร้อมกับเกลือป่น แม็กกี้ พริกไทยป่น น้ำตาลทราย ชิมรส ใส่ไก่ แครอท เมล็ดถั่วลันเตา ผัดจนเข้ากันดี ตักขึ้น
- นำกระทงทองที่ทอดแล้วเตรียมไว้ ตักไส้ที่ผัดหยอดเข้าไป แค่นี้ก็พร้อมเสิร์ฟ
4.ม้าฮ่อ
อาหารว่างไทย ที่ทำกินง่ายแต่เริ่มหากินไม่ค่อยได้แล้ว ซึ่งม้าฮ่อนั้นจะจับผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรดปอกเปลือกแบ่งเป็นชิ้น แล้ววางทับด้วยไส้รสหวานเค็มคล้ายไส้ของสาคูไส้หมูก็ทำให้คนกินพอได้กินแล้วก็่จะรู้สึกสดชื่นขึ้นมา
ส่วนผสมม้าฮ่อ
- สามเกลอโขลกละเอียด (พริกไทย กระเทียม และรากผักชี) 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับผัด
- เนื้อหมูติดมันบด 1 ถ้วยตวง
- เนื้อกุ้งสดบด 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสงคั่วบดหยาบครึ่งถ้วยตวง
- ผลไม้รสเปรี้ยวตามฤดูกาล เช่น มะยงชิด มะเฟือง สับปะรด (หั่นชิ้นพอดีคำ)
วิธีทำม้าฮ่อ
- นำสามเกลอลงไปผัดกับน้ำมันพืชจนหอม ใส่เนื้อหมูและกุ้งลงไปผัดพอสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำตาลปี๊บ จากนั้นใส่ถั่วลิสงบดลงไป จากนั้นตักใส่จานพักทิ้งไว้ให้เย็น
- นำผลไม้รสเปรี้ยวตามฤดูกาลมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เตรียมไว้
- พอไส้ของม้าฮ่อเย็นแล้วปั้นส่วนผสมที่ผัดไว้เป็นก้อนกลม วางลงบนผลไม้ที่เตรียมไว้ พร้อมเสิร์ฟ
5.เมี่ยงกลีบบัว
อาหารว่างไทยอย่างเมี่ยงกลีบบัว เป็นเมนูเมี่ยงคำชนิดหนึ่งที่ให้รสชาติแตกต่างจากเมี่ยงคำทั่วไป ด้วยรสชาติหอมละมุนจากกลีบบัว ไม่มีรสฝาด ถูกใจทุกเพศทุกวัย
ส่วนผสมเมี่ยงกลีบบัว
- ดอกบัวแดง 4 ดอก
- กุ้งแห้ง
- มะนาวหั่นเต๋า จะปอกเปลือกก็ได้หรือไม่ก็ได้
- หอมแดงหั่นเต๋า
- ขมิ้นขาวหั่นเต๋า
- พริกขี้หนูซอย
- มะพร้าวคั่ว
ส่วนของเครื่องจิ้ม
- น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
- น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชี 1 ช้อนชา
- ข่า 1 ช้อนชา
วิธีทำเมี่ยงกลีบบัว
- เตรียมของจำพวกเครื่องเคียงทั้งหมดมาหั่นชิ้นเต๋าเล็ก ๆ
- ส่วนดอกบัวให้แกะกลีบดอกบัวทีละกลีบล้างน้ำ แช่ทิ้งไว้
- จากนั้นค่อยไปเตรียมเครื่องจิ้ม เริ่มจากตั้งหม้อไฟกลาง ใส่น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย คนจนส่วนผสมละลาย ตามด้วยกะปิ รากผักชี ข่า คนเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มหนืด จึงเทใส่ถ้วย
- จัดทุกอย่างให้เป็นสำหรับเมี่ยง พร้อมเสิร์ฟ
6.ขนมจีบนก
เอาใจคนพิเศษด้วยการทำเมนูอาหารว่างไทย ขนมจีบนก จับแป้งขนมจีบสีตามชอบ ห่อไส้กุ้งแล้วปั้นเป็นรูปนกน่ารัก ๆ เอาไว้กินแกล้มกับผัก
ส่วนผสมของไส้ขนมจีบนก
- รากผักชี 5 ราก
- กระเทียม 3 กลีบ
- หอมใหญ่สับละเอียด 200 กรัม
- เนื้อกุ้งขาวสับละเอียด 500 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายหนึ่งหยิบมือ
- เกลือหนึ่งหยิบมือ
- พริกไทยดำหนึ่งหยิบมือ
- น้ำมันพืชสำหรับผัด
- ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ 50 กรัม
วิธีทำไส้ขนมจีบนก
- เริ่มต้นด้วยโขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกัน
- จากนั้นตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันพืช เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ใส่หอมใหญ่สับลงไปผัดจนนิ่ม จากนั้น ใส่เนื้อกุ้งสับลงไปผัดให้สุก
- ผัดผสมให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลและเกลือ ใส่ถั่วลิสงคั่วบดลงไป ผัดให้เข้ากันจนแห้งจนสามารถปั้นเป็นก้อน ตักออกปล่อยพักให้เย็นก่อน แล้วค่อยปั้นเป็นก้อนกลม
ส่วนผสมของแป้งขนมจีบ
- แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
- แป้งเท้ายายม่อม 30 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 30 กรัม
- น้ำเปล่า 1 ถ้วย
- หัวกะทิ 50 กรัม
- สีผสมอาหาร
- แครอท (สำหรับแต่งหน้านก)
- งาดำ (สำหรับแต่งหน้านก)
วิธีทำแป้งขนมจีบนก
- เริ่มต้นด้วยการผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งเท้ายายม่อมเข้าด้วยกัน เมื่อเริ่มเข้ากันค่อยใส่ๆ หัวกะทิลงไปนวดผสมด้วยมือ เติมน้ำเปล่าลงไปนวดจนแป้งละลายอย่าให้แป้งเป็นเม็ด
- นำแป้งที่ผสมแล้วเทลงกวนในกระทะทองใช้ไฟอ่อน กวนจนแป้งล่อนออกจากกระทะ
- นำแป้งที่กวนมานวดโดยโรยแป้งมันสำปะหลังลงไปเล็กน้อยเพื่อกันติด (ถ้ามีไม้นวด หรือเครื่องช่วยแนะนำให้ใช้ก่อน เพราะแป้งมันร้อน)
- แบ่งส่วนผสมแป้งเป็นตามส่วนสีที่เลือกเอาไว้ แล้วนวดผสมกับสีผสมอาหารผสมสีกับแป้งนิดเดียว ตัดแป้งแต่ละสีเป็นก้อน ๆ ขนาดให้ใหญ่กว่าไส้
- เริ่มปั้นแป้งเป็นก้อนกลมแล้วขึ้นรูปให้คล้ายผลชมพู่ กดก้นให้เป็นเบ้าลึกนำไส้ใส่ลงไปในหลุมแป้งแล้วห่อปิดแป้งให้มิด
- นำแป้งที่ปั้นมาทำรูปร่างให้เป็นนก ใส่ปากทำจากแครอต ติดตาจากงาดำ จากนั้นให้นำแหนบบีบเพื่อทำจีบที่ตัวขนมให้มีลักษณะคล้ายปีกนก
- เตรียมหม้อสำหรับนุ่ง ใส่ขนมจีบลงในชุดนึ่งที่รองใบตองไว้ พรมน้ำลงไปจากนั้น ปิดฝานึ่งด้วยไฟแรงนาน 5 นาที
- เมื่อครบ 5 นาทีให้พรมน้ำ อีกรอบ แล้วยกออกมาพร้อมจัดใส่จาน
7.ขนมช่อผกากรอง
ขนมผกากรองเป็นขนมไทยประยุกต์ ซึ่งเป็นขนมที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของความเนียนของเนื้อถั่ว และกลิ่นควันเทียนที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร
ส่วนผสมขนมช่อผกากรอง
- กะทิ 400 มล.
- มันสำปะหลังนึ่ง 180 กรัม
- แป้งเค้ก 340 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 70 กรัม
- สีผสมอาหาร
วิธีทำขนมช่อผกากรอง
- ผสมแป้งเค้ก กะทิ 250 มิลลิลิตร และน้ำตาลทราย 30 กรัม คนให้เข้ากัน เอาขึ้นตั้งไฟ กวนแป้งด้วยไฟอ่อนจนมีลักษณะเหนียวจนไม่ติดไม้พายและไม่ติดกระทะ จากนั้นพักแป้งไว้
- จากนั้นมันมันสำปะหลัง บดให้ละเอียด นำไปกวนด้วยไฟอ่อนกับกะทิค่อยๆใส่นำตาลทราบที่เหลือลงไป กวนจนไส้ไม่ติดพายก็ใช้ได้ พักไว้ให้เย็น
- ระหว่างรอที่เย็นนำแป้งมานวดให้เนียนอีกครั้ง แล้วแบ่งส่วนตามจำนวนสีที่ต้องการ
- ส่วนไส้ที่พักไว้ พอเย็นแล้วนำมาปั้นเป็นทรงกลม จากนั้นนำแป้งมาคลึงและกดให้แบนเป็นแผ่น แล้วนำไส้มันห่อให้เรียบร้อย แล้วคลึงจัดทรงของขนมให้สวยงาม
- จับจีบกลีบขนมด้วยแหนบช่อม่วงทำจนครบรอบ แล้วขึ้นแถวใหม่ โดยให้จีบกลีบสับระหว่างกลีบของแถวแรก ทำแบบนี้ไปประมาณ 4 ชั้นให้ครบทั้งดอก ใส่จานให้สวยงาม
สนุกสนานไปกับอาหารว่างไทยแสนอร่อย
พอเห็นอาหารว่างไทยที่หน้าตาน่าทานแล้วก็ชวนหิวกันมากสุดๆ แต่พอไปเห็นวิธีทำบางคนก็พร้อมเปิดครัวทำอาหารทันที แต่บางคนก็เริ่มท้อใจทันที ด้วยความเป็นอาหารไทยนั้น วิธีการทำนั้นค่อนข้างจะมีหลากหลายขั้นตอนแถมต้องจัดแต่งให้สวยงามอีก ทำให้เวลาทำอาหารว่างไทยนั้นค่อนข้างนาน ซึ่งถ้าหากใครไม่สะดวกทำกินเอง เดี๋ยวนี้ก็มีร้านอาหารและร้านขนมมากมายที่เริ่มมีเมนูอาหารว่างไทย ให้เลือกกินกันเยอะแยะเลย ใครเคยไปร้านไหนก็เอามาบอกกันได้น้า
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)
- https://cooking.kapook.com/view191493.html
- https://www.sgethai.com/article/ชวนมาทำ-อาหารว่างไทย-สูต/#4_ขนมจีบนกไทย