คนดูหลายต่อหลายคนอาจจะชอบดูซีรีส์จีน ซีรีส์ญี่ปุ่น ซีรีส์เกาหลี หรือจากประเทศอื่นๆ และไม่ให้ความสนใจกับซีรีส์ไทยสักเท่าไหร่นัก ด้วยภาพจำที่ว่าซีรีส์ไทยหรือสื่อต่างๆจากไทยนั้น ค่อนข้างตกยุค ไม่พัฒนา บทไม่ดี มีแต่บทชวนให้เกาหัวอยู่ตลอดเวลา นักแสดงมีดีแค่หน้าตาอย่างเดียว ความสามารถติดลบ ไม่ควรค่าแก่การเสียเวลาดู แต่ในวันนี้ผู้เขียนจะหยิบนำซีรีส์ดีๆที่จะมาทำให้ภาพจำของคนดูเปลี่ยนไป ด้วยคุณภาพคับแก้วทั้งเนื้อเรื่องและการนำเสนอ ที่ผู้เขียนเลือกสรรมาอย่างดี เพื่อผู้อ่านและผู้ชมทุกคนที่กำลังตัดสินใจจะไปดูซีรีส์ไทย สามารถมั่นใจได้ว่า ซีรีส์ประเทศไทยนั้นก็มีดีไม่แพ้ประเทศอื่น จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นตามไปดูกันเลย
เด็กใหม่ : Girl from Nowhere
ขอประเดิมเรื่องแรกกับเรื่องราวจบในตอนของ “แนนโน๊ะ” เด็กสาวผู้ที่ไม่มีใครรู้ถึงที่มาที่ไป เด็กสาวหน้าตาดีในชุดนักเรียน ไว้ผมหน้าม้าถูกระเบียบโรงเรียนไทยทุกสถาบัน กับการมาที่โรงเรียนต่างๆ เพื่อดูพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีความรัก โลภ โกรธ หลง โดยเป็นการตีแผ่สังคม และสภาพจิตใจของตัวละครออกมาได้อย่างเจ็บแสบ ทั้งเรื่องครูมีอะไรกับนักเรียน ระบบการศึกษาที่ล้มเหลว ความเหลื่อมล้ำในวัยเรียน เน็ตไอดอล หรือการโกงของนักเรียนในรูปแบบต่างๆ ผู้หญิงคนนี้จะเข้าไปกระชากด้านมืดตรงนั้นออกมาแบบสาแก่ใจคนดูแน่นอน
ด้วยความที่เป็นเนื้อเรื่องจบในตอนจึงเปิดโอกาสให้ผู้กำกับหลายๆคน หยิบยกประเด็นทางสังคมที่อยากจะเล่า และอารมณ์ที่ต้องการจะสื่อออกมาได้อย่างอิสระ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีหลายรสชาติมากๆ เรื่องนี้เรียกได้ว่าสุดทุกองค์ประกอบตั้งแต่เนื้อเรื่อง นักแสดง เพลงประกอบ รวมถึงท่าเต้นของแนนโน๊ะที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ด้วยการนำเสนอที่ตรงไปตรงมาแบบสุดๆ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีเรื่องของความรุนแรง คำหยาบคาย และเลือดที่ถือว่าเยอะพอตัวเลยทีเดียว ซึ่งซีรีส์นี้ในปัจจุบันมีถึง 2 ซีซันด้วยกัน ซึ่งสามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วผ่านทาง Netflix
ฉลาดเกมส์โกง The Series : Bad Genius The Series
จากภาพยนตร์ “ฉลาดเกมโกง” ที่ประสบความสำเร็จระดับถล่มทลาย ค่าย GDH จึงตัดสินใจสร้างซีรีส์เรื่องนี้โดยใส่ปมต่างๆให้ลึกขึ้น และเล่าเรื่องในระดับที่ใหญ่ขึ้นไปอีก กับเรื่องของ “ลิน” เด็กสาวเรียนดีจนเข้าไปเป็นนักเรียนทุนที่โรงเรียนกรุงเทพทวีปัญญา จนเมื่อรู้ว่าพ่อของเธอต้องแบ่งทุนให้กับ ” แบงค์ ” นักเรียนผู้เรียนดีอีกคน แถมพ่อของเธอยังต้องมาจ่ายค่าแป๊ะเจี๊ยะให้กับโรงเรียนอีก บวกกับที่เธอค้นพบถึงการทุจริตเรื่องข้อสอบจึงเกิดการโกงเกิดขึ้น โดยมี “เกรท” และ “พัฒน์” เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ
เมื่อการโกงสำเร็จ แผนการโกงก็ยิ่งใหญ่ขึ้น เสี่ยงมากขึ้น มีความผิดพลาดมากขึ้น จากการโกงระดับโรงเรียน สู่การโกงระดับประเทศที่มีอนาคตของเด็กจำนวนมากเป็นเดิมพัน รวมถึงของเด็กๆ กลุ่มนี้ด้วย สมาชิกร่วมโกงก็มีมากขึ้น แถมทั้ง 4 คนนี้ยังต้องมาพัวพันกับปัญหาเรื่องความรักและความสัมพันธ์ ทำให้เรื่องราวมันซับซ้อนขึ้นไปอีก นับว่าซีรีส์เรื่องนี้มีความทะเยอทะยานเกินกว่ามาตรฐานของซีรีส์ทั่วไป ทั้งการจิกกัดสังคมคนรวยและคนจน ระบบการศึกษา ระบบการสอบ และการโกงขอเด็กๆสุดชาญฉลาด เรียกได้ว่าถ้าได้ดูตอนที่ 1 แล้ว โอกาสที่จะติดหนึบเรื่องนี้นั้น มีสูงมากเลยทีเดียว เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป สามารถติดตามแบบถูกลิขสิทธิ์ที่ WeTV และ Netflix
รักฉุดใจนายฉุกเฉิน : My Ambulance
ซีรีส์ไทยเรื่องที่ 3 ที่จะแนะนำกันนี้เป็นเรื่องที่ผสมผสานเรื่องราวของศาสตร์การแพทย์และความเป็นแฟนตาซีมาใช้ได้อย่างลงตัว กับเรื่องราวของ “ทานตะวัน” และ “หมอเป้ง” คบกันเป็นแฟนมายาวนานถึง 15 ปีโดยมีพลังพิเศษที่เปรียบเสมือนโซ่ทองคล้องใจกันและกันไว้ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไป เพราะหมอเป้งเอาแต่สนใจงาน จนฝ่ายหญิงถูกบอกเลิกไปในที่สุด ด้วยความเสียใจจึงเผลอไปขับรถชนคนตาย เวลาต่อมาทานตะวันเรียกใช้พลังอีกครั้ง แต่ “ฉลาม” นักศึกษาแพทย์ที่เป็นรุ่นน้องของหมอเป้งมาช่วยแทน และในช่วงหนึ่งที่ “บะหมี่” มาจีบหมอเป้งอย่างไม่หยุดหย่อน ในระยะที่หมอเป้งบอกเลิกกับทานตะวัน ฉลามก็เข้ามาคุยเป็นเพื่อน ด้วยตอนนี้พลังของทานตะวันคือฉลาม และนั่นทำให้ฉลามเกิดความรู้สึกดีๆต่อเธอ
ต่อมาทานตะวันใช้พลังจนสืบรู้ความจริงว่าเธอขับรถชน “ไท” และ “ขิม” ผู้เป็นน้องสาว และนั่นทำให้หมอเป้งและฉลามต้องทำการรักษา แต่ทว่าด้วยการรักษาที่ผิดพลาดของฉลามทำให้ขิมต้องมาตาย และหมอเป้งต้องออกหน้ารับแทนทานตะวันที่เป็นตัวต้นเหตุ และทานตะวันก็มีความประสงค์อยากจะไปขอโทษพร้อมชดใช้ในสิ่งที่ทำผิดไป
ซีรีส์เรื่องนี้เรียกได้ว่ามาครบทุกองค์ประกอบจริงๆ ฉากกุ๊กกิ๊กก็ทำเอาหวานจนน้ำตาลขึ้น ฉากคอมเมดี้ก็เรียกเสียงหัวเราะได้ดี ส่วนฉากดราม่าก็ทำได้ดีจนซึมตามตัวละครไปเลย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ สามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Netflix และ Youtube Channel ช่อง Nadao Bangkok
Bangkok Breaking : มหานครเมือง(ห)ลวง
“โอ้กรุงเทพเมืองฟ้าอมร สมเป็นนครมหาธานี” คำโปรยของตัวอย่างเรื่องนี้กับด้านมืดของกรุงเทพ ก็ทำให้เรื่องนี้น่าดูเข้าไปแล้ว กับบทและการนำเสนอที่น่าสนใจและแปลกใหม่ กับเรื่องของ “วันชัย” หนุ่มบ้านนอกที่เข้ามาที่กรุงเทพตามคำชักชวนของพี่ชาย จุดประสงค์ของเขาก็มีแค่ทำงานส่งเงินกลับบ้าน ผ่านอาชีพ “อาสากู้ภัย” แต่ทว่าที่ทำงานแห่งนี้ กลับซุกซ่อนอะไรไปมากกว่านั้น เพราะทีมงานกู้ภัยก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทุจริต ทั้งยาเสพติด ทั้งการเมือง จนวันชัยได้มาเจอกับ “แคต” นักข่าวสาวแพชชั่นเต็มเปี่ยมที่ต้องการจะเปิดโปงความมืดมิดของผู้ทรงอิทธิพล โดยไม่สนใจว่าผู้บริหารในสำนักข่าวจะมีท่าทีอย่างไรกับพฤติกรรมของเธอ
ตัวชูโรงของเรื่องนี้คือความสมจริงในด้านการแสดงและฉากที่ทำออกมาได้สมจริงจนน่าขนลุก เช่น ฉากตึกร้าง ฉากไฟไหม้อาคาร ฉากอุบัติเหตุ หรือฉากล้วงยาเสพติดออกจากศพก็ตาม ถือว่าเป็น Netflix Original Series ที่น่าติดตามมากๆเลยทีเดียว
365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ : One Year The Series
มาสู่ซีรีส์ไทยเรื่องที่ 5 กันบ้าง กับเรื่องราวที่แปลกแหวกไปจากเรื่องที่ผ่านมา กับเรื่องราวของ “มุก” คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หลังจากคนเป็นสามีแยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่ กับลูกๆอีก 5 คน อย่าง “เพชร”, “พลอย”, “ตะวัน”, “ไพลิน” และ “แพรวพราว” เมื่อมุกมีความรักกับ “ตั้ม” พ่อหม้ายที่มี “เบบี้” และ “บูม” เป็นลูกติดมาด้วย ซึ่งนั่นทำให้ครอบครัวฝั่งของมุกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นสมาชิกในบ้านอยากจะอดอาหารประท้วงกันเลยทีเดียว แต่สุดท้าย ชะตาของทั้งสองครอบครัวก็ขึ้นอยู่กับเพชรผู้เป็นลูกสาวคนโต ด้วยเงื่อนไขที่ว่าให้ทั้งสองครอบครัวลองมาอาศัยร่วมกันเป็นเวลา 1 ปี ถ้ามีใครในคอบครัวเสียใจ การแต่งงานจะต้องยุติลง
อย่างไรก็ดี แต่ละตัวละครก็มีปัญหาเป็นของตัวเอง รวมไปถึงบรรดาลูกๆของทั้งสองครอบครัว ที่มีประเด็นทั้งการปรับตัว ความรักในวัยเรียนทั้งมัธยมและมหาวิทยาลัย ปัญหาครอบครัว เพื่อน และความรัก และถึงแม้ว่าจะมีจำนวนไม่กี่ตอน แต่เรื่องนี้มีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก ทั้งการสะท้อนสังคม และการชี้นำสังคมที่ดี ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง หากอยากดู ก็สามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Line Today
I Hate You, I Love You
ซีรีส์ไทยเรื่องที่ 6 ที่จะมาแนะนำกันนั้น ขอพลิกรสชาติไปดาร์กกันอีกครั้ง กับเรื่องราวหนุ่มสาววัยรุ่นทั้ง 5 คนที่มี “นานะ” และ “ซอล” ทั้งสองเป็นหญิงสาวที่ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัย และทั้งสองยังเป็นสมาชิกแก๊งค์ “Sleeping Beauty” อีกด้วย กับเรื่องราวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เมื่อซอลจัดงานฉลองวันเกิดของเธอ แต่นานะกลับพา “ไอ่” ชายหนุ่มธรรมดาๆ มาเซอร์ไพรส์ถึงที่ ทำให้ซอลรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก แต่ทว่านานะเองก็มีปัญหาเช่นกัน เมื่อ “ไทเกอร์” แฟนหนุ่มของเธอนอกใจไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น ทำให้นานะไม่พอใจ เธอเลยระบายอารมณ์ด้วยการมาใช้บริการ “โจ” ชายหนุ่มที่มีอาชีพขายบริการ และในวันต่อมา “นานะ” เสียชีวิตโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ และใครกันแน่คือฆาตกรตัวจริง
ซีรีส์เรื่องนี้มีความแปลกใหม่ที่ว่าในแต่ละตอนจะเล่ามุมมองของตัวละครหลักทั้ง 5 ตัว ซึ่งนั่นทำให้เราได้เห็นการกระทำและที่มาที่ไปได้ถึงแก่นถึงอารมณ์เลยทีเดียว
ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ : STAY
ไปต่อกันที่เรื่องที่ 7 กับการเล่นใหญ่ด้วยการยกกองถ่ายไปถ่ายทำที่ประเทศญี่ปุ่น กับเรื่องราวของ “จุก” หญิงสาวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่โดนเพื่อนอย่าง “แอน” เบี้ยว จนต้องมาทำ Final Project คนเดียวไกลถึงประเทศญี่ปุ่น เพราะเธอนั้นอยากจะมีหนังสือเป็นของตัวเองสักเล่ม โดยเอาเรื่องเรียนและความฝันของตัวเองมาผนวกรวมกัน เป็นบันทึกการเดินทางที่ญี่ปุ่นนั่นเอง จนกระทั่งเธอนั้นได้มาเจอกับ “หมี” คนไทยที่อามาศัยที่ญี่ปุ่นผู้คอยให้ความช่วยเหลือเธอ รวมถึง “เม่น” และ “เจ๋ง” ที่จะมีผลต่อเส้นเรื่องนี้ด้วยนั่นเอง ความสัมพันธ์ของจุกและหมีค่อยๆก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกันในที่สุด
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเหมือนไม่มีอะไร มีโทนภาพสบายๆ ไม่เครียดจนเกินไป แต่เรื่องนี้นั้นกลับซ่อนรายละเอียดต่างๆไว้มากมาย รวมถึงความรักและความสัมพันธ์ที่ทำให้เราต้องคิดตามเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ : STAY
Happy Birthday : วันเกิดของนาย วันตายของฉัน
ไม่ขอต่อความยาวสาวความยืดกับซีรีส์ไทยเรื่องที่ 8 ที่อยากจะเล่าให้ทุกคนฟังนั้น เป็นเรื่องสุดแสนจะเข้มข้นของ “ต้นไม้” ชายหนุ่มวัยรุ่นที่ไม่เคยมีงานฉลองวันเกิดมาก่อน จนกระทั่งได้ของขวัญครบรอบปีที่ 17 นั่นคือห้องนอนของ “ธารน้ำ” ที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันเกิดของเขาเอง
เมื่อต้นไม้ได้เข้าไปอยู่ก็ตัดสินใจปรับปรุงห้องนั้น ที่พ่อและแม่ยกให้เป็นของขวัญวันเกิด แต่ทว่าเขานั้นก็ได้เจอกับวิญญาณของธารน้ำ ที่อยู่ในห้องนั้นและมีแค่เขาคนเดียวที่คุยกับเธอได้ ธารน้ำไม่สามารถไปเกิดได้เนื่องจากเธอมีห่วงบางอย่างอยู่ อีกทั้งไม่สามารถจำสาเหตุที่ทำให้เธอนั้นต้องจบชีวิตลง เบาะแสเดียวที่เธอมีนั่นคือ “ที” ผู้เป็นดั่งรักแรกของเธอ จึงวานให้ต้นไม้ไปสืบมาให้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนั่นเอง
เรื่องนี้นั้นเรียกได้ว่าความดราม่าแบบจัดหนักจัดเต็ม กับพลังของนักแสดงที่ถ่ายทอดได้ดีอย่างน่าขนลุกเลยทีเดียว ซึ่งควรค่าแก่การหามาดูเป็นอย่างยิ่ง
3 Will Be Free : สามเราต้องรอด
เรื่องที่ 9 ที่อยากจะแนะนำให้รู้จักกัน ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฉีกจากวงการซีรีส์ไทยเรื่องหนึ่งเลย กับเรื่องราวของ “วานิกา” ภรรยาของเสี่ยธนา ทั้งที่แต่งงานก็ยังมาที่บาร์โฮสต์ที่ “นีโอ” ทำงานอยู่ ทำให้นีโอตกเป็นเป้าหมายของเสี่ยธนา แต่แทนที่นีโอจะเสียชีวิตเพราะมือปืนที่ถูกส่งมา คนที่ตายกลายเป็นวานิกาแทน ในขณะที่ “หมิว” เด็กสาวบาร์โฮสต์ และ “ชิน” ลูกชายของเสี่ยธนาที่มาเที่ยวที่บาร์ ที่มานอนกับหมิวได้มาพบเจอกัน ทั้งสามมีเหตุตกกระไดพลอยโจนต้องหนีการไล่ล่าของลูกน้องเสี่ยธนา ซึ่งหมิวนั้นได้ฆ่า “พล” หนึ่งในลูกน้องดังกล่าวทำให้ “แมร์” แฟนสาวประเภทสองของพล มีความต้องการที่จะแก้แค้น และตามทั้งสองคนไป นับว่าทั้งสามคนต้องหนีการไล่ล่านี้ให้ได้ เรียกได้ว่าจากกรุงเทพไปต่างจังหวัดเลยทีเดียว
สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่เนื้อเรื่องแนวไล่ล่าอย่างเดียวเท่านั้น เรื่องนี้ได้นำเสนอประเด็น LGBTQ+ ได้อย่างลึกซึ้ง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสุดฉลาด ปมเบื้องหลังและความสัมพันธ์ของตัวละครทั้ง 3 ตัวที่ฉีกกฎของการนำเสนอได้ดี และเรื่องนี้กะเทาะสันดานดิบของมนุษย์ได้อย่างหมดเปลือก ทำให้มีความดราม่าสูง และผู้ชมจะเอาใจช่วยตัวละครโดยที่ไม่รู้ตัว ผู้ชมสามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Youtube ช่อง GMMTV OFFICIAL
เกมล่าเธอ : WOLF
เรื่องที่ 10 ที่อยากจะแนะนำให้รู้จักกันเป็นซีรีส์ที่ให้อารมณ์เหมือนคนดูกำลังรับชมรายการเรียลลิตี้เลยทีเดียว จะให้เกิดอะไรขึ้นเมื่อ คนทั้ง 5 คนที่มีปัญหาและความต้องการอย่าง “ดอน” หนุ่มเพลย์บอยที่เป็นตัวแทนของสีแดง “ป้อ” หนุ่มวัยรุ่นผู้เป็นตัวแทนของสีน้ำเงิน “โม” สาวช้ำรักที่จมปลักอยู่กับความเสียใจผู้เป็นตัวแทนของสีเหลือง “แปลน” ชายหนุ่มที่หายใจเข้าออกมีแต่เรื่องเงินๆทองๆเป็นตัวแทนของสีเขียว และ “เรียว” หนุ่มหมกมุ่นเรื่องหุ่นของผู้หญิงผู้เป็นตัวแทนของสีม่วง
ทั้ง 5 คนต่างได้รับข้อความเข้าร่วมโปรเจกต์ที่ชื่อว่า “Wolf” เพื่อทำภารกิจท่องไปทั่วเอเชีย เพื่อจีบคนแปลกหน้าที่มีชีวิตและกิเลสของพวกเขาและเธอเป็นเดิมพัน เพื่อแลกกับเงินสิบล้านบาท แน่นอนว่าทั้ง 5 คนตอบรับภารกิจนี้ ซึ่งแก่นหลักก็คือ การลุ้นและเอาใจช่วยตัวละครทั้ง 5 ทำภารกิจนี้ให้ได้ นอกจากนี้ผู้ชมจะได้ท่องไปในทัศนียภาพของเอเชียที่ตระการตา นับว่าเป็นอีกหนึ่งความทะเยอทะยานของซีรีส์ไทยอีกเรื่องหนึ่งเลย ใครบ้างจะทำภารกิจสำเร็จหรือล้มเหลว สามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Youtube ช่อง GMMTV OFFICIAL
นักเรียนพลังกิฟต์ : The Gifted
เรื่องที่ 11 ที่อยากจะแนะนำนี้ หนึ่งในซีรีส์ไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล กับเรื่องราวแนวการเมืองในรูปแบบของสังคมนักเรียน ที่มีความเป็นแฟนตาซี ที่มีความสุดในด้านเนื้อเรื่อง มุมกล้อง และการแสดง ถือได้ว่าเป็นซีรีส์ขึ้นหิ้งในใจใครหลายคนเลยก็ว่าได้
โดยในภาคแรกเริ่มต้นจาก “แปง” เด็กห้องม.4 ในโรงเรียนฤทธาวิทยาคม ที่มีผลการเรียนที่แย่กลับสามารถเข้าเรียนที่ห้องที่มีผลการเรียนดีได้ ซึ่งนั่นก็คือ “เด็กห้องกิฟต์” นั่นเอง ในห้องนั้นแปงได้โดยพบกับคนที่รอการถูกปลุกโดยศักยภาพและปัญหาที่โรงเรียนซุกซ่อนไว้โดยที่มี “ผ.อ. สุพจน์” อยู่เบื้องหลัง และศักยภาพที่เด็กกลุ่มนี้มี อาจนำมาซึ่งปัญหาตามมา ที่รอให้เด็กๆกลุ่มนี้มาแก้ปัญหาให้จงได้ สามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง Netflix และ Youtube ช่อง GMMTV OFFICIAL
นักเรียนพลังกิฟต์ ภาค 2 : The Gifted Graduation
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในภาคแรก ในภาคนี้จะทวีความเข้มข้นมากกว่าเดิม กับเรื่องราวของ ผ.อ. สุพจน์ที่ยังไม่หยุดแผนการอันชั่วร้าย และเด็กๆกลุ่มพลังกิฟต์ในวัยที่โตขึ้น กับปัญหาที่ไม่ได้จบแค่เรื่องภายในโรงเรียนแต่ยังลามไปถึงกระทรวง นำโดย “ครูดาริน” ครูฝ่ายวิชาการที่เข้ามาในโรงเรียนฤทธาวิทยาคมโดยที่ไม่มีใครรู้ถึงความต้องการที่แท้จริง อีกทั้งลามไปยันต้นตอของ “พลังกิฟต์” ทุกอย่างดูสลับซับซ้อนไปอีก แต่ก็มีเด็กนักเรียนอีกกลุ่มหนึ่งที่นำโดย “ธาม” ที่ร่วมมือกันกับกลุ่มของแปง ทำให้สมาชิกห้องกิฟต์มีเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ในซีซันนี้จะพาคนดูไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด จุดเริ่มต้นของสิ่งต่างๆ รวมไปถึงการสะท้อนสังคมอันเจ็บแสบและเส้นเรื่องที่หักมุมตลอดซีซัน สามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง Youtube ช่อง GMMTV OFFICIAL
Project S The Series
นับว่าเป็นความทะเยอทะยานอีกหนึ่งขั้นสำหรับซีรีส์ประเทศไทย ที่คราวนี้มาในคอนเซปต์ของกีฬาอย่าง“วอลเลย์บอล”, “แบดมินตัน”, “สเก็ตบอร์ด” และ “ยิงธนู” ที่ไม่ได้แตะอย่างผิวเผิน และเนื้อเรื่องสุดเข้มข้น เรียกได้ว่ามาในรูปแบบ 4 เรื่อง 4 รสเลยทีเดียว
Spike!
จะเป็นเรื่องราวของ “โรงเรียนเทพปัญญาวิทยาลัย” และ “เซนต์ เซบาสเตียน” สองโรงเรียนที่ดั่งไม้เบื่อไม้เมา เป็นคู่แข่งในด้านวอลเลย์บอลมาตลอด ด้วยเหตุดังนั้นเป้าหมายของโรงเรียนเทพปัญญาวิทยาลัยคือการเป็นแชมป์ ทว่า “สิงห์” กลับย้ายตัวเองไปสังกัดโรงเรียนคู่แข่ง “ปืน” หนึ่งในสมาชิกจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และอยู่กับเป้าหมายนั่นคือการเป็นแชมป์ แต่กลับมี “แทน” สมาชิกใหม่ที่ย้ายเข้ามาอีก เส้นทางนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งทีมต่างต้องเจอกับการฝึกสุดโหดของ “โค้ชวิน” และการปรับความสัมพันธ์ตามแบบลูกผู้ชาย เพื่อเป้าหมายของพวกเขา
Side by Side : พี่น้องลูกขนไก่
จะเป็นเรื่องราวของ “ยิม” เด็กที่เกิดมาเป็นออทิสติกและ “โด่ง” สานสัมพันธ์กันผ่านระหว่างกีฬาแบดมินตันผ่าน “แม่ตั้ม” และ “แม่แตง” ซึ่งเป็นแม่หม้ายด้วยกันทั้งคู่ แต่แล้วความสามารถในตัวของยิมได้ปรากฎขึ้นเมื่อความสามารถในการตีแบตมินตันของยิมนั้นอยู่ระดับที่เก่งกาจ เรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มต้นขึ้น
SOS : Skate ซึม ซ่าส์
จะเป็นเรื่องราวของ “บู” ชายหนุ่ทสุดติ๋ม ที่มี “โรคซึมเศร้า” ในการดำเนินชีวิต ชีวิตของเขานั้นจมอยู่กับความเศร้ามาโดยตลอด แต่ทว่าเขานั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจาก “หมอเบลล์” จิตแพทย์สาว รวมถึง “ใบเฟิร์น” สาวสุดเท่ และ “ไซม่อน” หนุ่มสุดคูลที่พาบูเข้าสู่วงการสเก็ตบอร์ด โดยมีความคิดจะเปลี่ยนบูให้เป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น
Shoot! I Love You : ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ
จะเป็นเรื่องราวของ “โบ” สาวน้อยสุดเฉิ่ม ทำอะไรไม่เก่งสักอย่างที่มี “แชน” หนุ่มเพื่อนสนิท ต้องมาฝึกยิงธนู หวังพิชิตใจ “อาชวิน” นักกีฬายิงธนูสุดหล่อ โดยมีศัตรูหัวใจอย่าง “เฟม” นักยิงธนูสาวที่เก่งมาก นั่นคือโจทย์ที่ยากมากๆ สำหรับโบ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ โดยเธอต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้
เธอคนนั้นคือฉันอีกคน : Who are You
ซีรีส์ไทยเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยากแนะนำให้รู้จักกัน กับเรื่องราวของ “มาย” เด็กสาววัยมัธยมที่มักจะโดนกลั่นแกล้งโดย “ธิดา” เพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกัน รวมถึงเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยความเสียใจเกินจะทนจึงตัดสินใจโดดสะพานเพื่อจะฆ่าตัวตาย แต่ทว่า เธอกลับรอดตายมาได้พร้อมกับการสูญเสียความทรงจำไป และตอนนี้เธอได้กลายเป็น “มีน” เด็กสาวฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันกับเธอไปหมดทุกอย่าง การตามหาความจริงนี้ทำให้เธอได้พบกับ “นที” นักกีฬาว่ายน้ำสุดหล่อ และ “กันต์” ชายหนุ่มโรงเรียนเดียวกันอีกด้วย
เธอจะต้องคอยตามหาความจริงที่หายไป รวมถึงคอยสะสางเรื่องราวทุกอย่างให้หมด ซีรีส์เรื่องนี้ชูโรงเรื่องการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน และผลกระทบที่ตามมาว่าจะร้ายแรงขนาดไหน ถ้าหากสนใจเรื่องนี้สามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง Youtube ช่อง GMMTV OFFICIAL
สุภาพบุรุษสุดที่เลิฟ : Great Men Academy
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะแนะนำกัน เป็นเรื่องราวของ “เลิฟ” เด็กสาวที่อาศัยอยู่ในบ้านกลางป่า ทว่าถูกพักการเรียนเป็นเวลา 3 เดือน ตกหลุมรัก “พี่เวียร์” อย่างจริงจัง ซึ่งเขาเป็นนักเรียน Great Men ปี 3 เธอได้ไปช่วยม้าตัวหนึ่งที่บาดเจ็บ ทว่าม้าตัวนั้นกลายเป็น “ยูนิคอร์น” อย่างไรก็ตามมันสามารถทำให้เธอสามารถขอพรได้หนึ่งข้อ แน่นอนว่าเธอขอให้พบเจอกับรักแท้ ซึ่งนั่นทำให้เธอกลายเป็นผู้ชาย กับเงื่อนไขที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เธออยู่ในร่างของผู้ชายจะต้องลงไปที่ทะเลสาบก่อนเที่ยงคืน ไม่อย่างนั้นเธอจะกลายเป็นผู้ชายไปตลอดชีวิต
โชคชะตานำพาให้เลิฟได้เข้าเรียนที่ Great Men Academy เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับคนที่เธอชอบ ทว่าการเรียนที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะจะต้องเจอกับคนมากมายในนั้นแล้ว ยังต้องมารักษาสถานภาพและปกปิดความลับของเธออีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้เกิดปัญหามากมายตามมา ถ้าหากสนใจเรื่องนี้สามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง Netflix
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับซีรีส์ไทยที่แนะนำให้รู้จักกันในแต่ละเรื่องกัน เรียกได้ว่าขนกันมาแบบหลายรสชาติ หลายแนวเลยทีเดียว อย่างที่กล่าวไปว่าซีรีส์ของไทย ก็มีดีไม่แพ้ชาติใดในโลก ทางผู้พัฒนาชาวไทยก็รังสรรค์ซีรีส์คุณภาพสู่สายตาชาวไทยและชาวโลก จะเห็นได้ว่ามีแฟนคลับชาวต่างชาติหลายต่อหลายคนที่ชอบซีรีส์ไทยด้วยเหมือนกัน สิ่งนี้สามารถแสดงให้เห็นถึงความประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
คุณผู้อ่านมีความสนใจอยากจะไปดูเรื่องไหนกันบ้าง หรืออยากจะแนะนำเพื่อนๆ แฟน หรือครอบครัวเรื่องไหนบ้าง สำหรับใครที่ไม่เคยดูซีรีส์ของไทยอยู่ ทางผู้เขียนก็อยากจะแนะนำให้หามาดูสักครั้ง รับรองว่าจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน หลังจากนี้มาลุ้นกันว่าซีรีส์ไทยดีๆ ที่จะมีในอนาคตจะมีเรื่องอะไรอีกบ้าง
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
แสดงความคิดเห็นกันหน่อย 😎