ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า วงการสื่อไทยกำลังไปไกลมากขึ้น มีการพัฒนามากขึ้น ไม่ว่าจะในด้านเนื้อเรื่อง และการนำเสนอ ซี่งมีอะไรที่หลากหลายและแตกต่างไปจากเดิม ไม่ใช่แนวเดิมๆ ที่ดาษดื่นอีกต่อไป
ซึ่งแนวที่เราจะมาเสนอกันในวันนี้เป็นแนวเกี่ยวกับดนตรีที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างฮิปฮอป และถ้าพูดถึงฮิปฮอปก็ต้องพูดถึงแร็ปเปอร์ และพูดถึงการแร็ปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมันมีภาพยนตร์สารคดีเรื่องหนึ่งที่ฉายใน Netflix นั่นคือเรื่อง “School Town King” หรือชื่่อไทย “แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน” ที่ได้รับรางวัลจากต่างชาติมาครอบครอง ซึ่งการันตีถึงงานคุณภาพอันน่าภาคภูมิใจ แต่ในวันนี้เราจะพูดถึงอีกสิ่งหนึ่งที่มาแรงมากๆที่เกี่ยวกับแร็ปเปอร์เช่นกันซึ่งคือซีรีส์ไทยเรื่อง “Wannabe : ฝัน กล้า บ้า ดัง” กัน
เรื่องย่อของซีรีส์ “Wannabe : ฝัน กล้า บ้า ดัง”
ซีรีส์แร็ปเปอร์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ของวัยรุ่นที่มีความฝันเป็นเดิมพัน เพื่อที่สักวันเขาจะได้ประสบความสำเร็จในชีวิต นำแสดงโดยนักแสดงมากความสามารถอย่าง “ชานน สันตินธรกุล” รับเป็น “ปืน” ชายหนุ่มวัยรุ่นสุดเท่จากเมืองนอก โดยภายหลังกลับมายังประเทศไทยก็จะตั้งวงขึ้นมาโดยชวน “หรั่ง” เพื่อนในสมัยเด็กที่เป็นแร็ปเปอร์สายแบทเทิล และ “แทน” คนทำเพลงที่เคยเป็นแร็ปเปอร์มาร่วมวงด้วยกัน แน่นอนว่าแป้กรับประทาน แต่เมื่อกระนั้นเขาได้เจอ “ไวน์” สาวสวยเสียงดีจึงได้ดึงตัวมาร่วมงานด้วย และความสัมพันธ์ของปืนกับไวน์ได้ก่อขึ้น ท่ามกลางวง “KHA-22” วงของปืนก็กำลังมีกระแสดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเพลงที่มีเนื้อหาเสียดสีสังคม สะท้อนชีวิตครอบครัวแบบตรงไปตรงมา แต่ทว่านั่นทำให้น้องสาวอย่าง“ปัน” ไม่พอใจเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มาจากไดอารี่ส่วนตัวของเธอ
ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์เกี่ยวกับการแร็ปจึงทำให้มีการชักชวนบุคลากรเกี่ยวกับวงการนี้มาร่วมงานด้วย อย่างเช่นคนทำเพลงก็ได้โปรดิวซ์มือทองอย่าง “T-Biggest” มาทำเพลงประกอบให้ และได้แร็ปเปอร์อย่าง “GunChalie”, “NICECNX”, “DREAMHIGH”, และ “เจ้าพระยาทันยุค” มาร่วมแสดงด้วย เล่นใหญ่ยังไม่พอ วันเปิดตัวยังได้แร็ปเปอร์มากความสามารถอย่าง “REPAZE”, “PRATYAMIC”, “K.AGLET” มาร่วมงานอีกด้วย ถือเป็นซีรีส์ไทยนอกกระแสอีกเรื่องหนึ่งที่ห้ามพลาด ด้วยเนื้อเรื่องแนว “Coming of Age” ยิ่งทำให้น่าติดตามมากกว่าเดิม ซึ่งสามารถติดตามรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วผ่าน Viu
และสำหรับเรื่องนี้ก็ทำให้อดนึกถึงหนังขึ้นหิ้งอย่าง 8 Mile เป็นไม่ได้
เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ “8 Mile : ดวลแร็ปสนั่นโลก”
สำหรับใครที่เสพซีรีส์แล้วเกิดอาการอารมณ์ค้าง ลงไม่ได้ ถอนไม่ได้ก็มีภาพยนตร์เรื่องนี้มาทำให้อุณหภูมิในร่างกายนั้นร้อนระอุยิ่งกว่าเดิม ที่เป็นเหตุผลว่าขึ้นหิ้ง หนึ่งในนั้นก็คือได้แร็ปเปอร์ชื่อก้องโลกอย่าง “Eminem” มารับบทเป็น “บี แร็บบิท” หนุ่มวัยรุ่นหัวขบถในเมืองดีทรอยต์ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีแม่เป็นคนติดเหล้าและการพนันอย่างหนัก ซ้ำร้ายยังมีปัญหากับผู้ชายคนใหม่ที่มานอนบ้านเขาอีก มีเพียงการแร็ปเท่านั้นที่พาเขาออกจากวงเวียนความทุกข์นี้ได้ และ “313” ก็เป็นวงแร็ปที่เขาตั้งขึ้นมากับกลุ่มเพื่อน เขาใช้ชีวิตกลางวันในฐานะคนในโรงงานและแร็ปเปอร์ในยามกลางคืน
จนกระทั่งเขาได้โอกาสเมื่อมีคนมาหยิบยื่นโอกาสทำเดโมส่งไป ทว่าคนที่เสนอคือ “Wink” คนจากศัตรูคู่อาฆาตอย่าง “Papa Doc” แต่โชคชะตาไม่เคยเข้าข้างเขาเลย ไม่ว่าเรื่องความสัมพันธ์ ความรัก การงาน จนกระทั่งไม่มีพื้นที่ให้คนอย่างเขาต้องกลัวอีกต่อไป ความกล้าเท่านั้นที่เอาชนะความกลัว จนกระทั่งวันที่เขาได้เผชิญหน้ากับศัตรูใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้สามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วผ่านทาง Google Play และ Apple TV
จุดเชื่อมโยงของ Wannabe และ 8 Mile
เรียกได้ว่าตัวเอกของทั้งสองเรื่องนั้นเป็นวัยรุ่นที่ชีวิตมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว มีความฝัน มีความหวัง มีบาดแผลที่เขาต้องเผชิญ ต้องเดินหน้าต่อไป แม้อุปสรรคจะถาโถมขนาดไหน ถ้าใครเป็นวัยรุ่นที่รักในเสียงเพลงก็น่าจะเป็นสองเรื่องที่เป็นเหมือนครูสอนประสบการณ์ในการใช้ชีวิตได้ดี
ส่วนใครที่เป็นวัยผู้ใหญ่แล้ว เมื่อมองย้อนกลับมา ก็ได้เห็นช่วงเวลาต่างๆ ประสบการณ์ บาดแผล ที่หล่อหลอมให้เรากลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งจนถึงวันนี้ได้ดี อีกข้อหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้คือ เมื่อไหร่ที่ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหา เสียงเพลงนี่แหละที่จะช่วยปลดปล่อยความรู้สึกแย่ๆไปได้
อีกจุดหนึ่งที่น่าเอามาเป็นแรงบันดาลใจคือ ตัวเอกของทั้งสองเรื่องมีความมุมานะ ไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ว่าชีวิตจะสู้กลับขนาดไหน บ่อยครั้งมันก็ย้ำเราว่าเราอย่าให้โลกเอาเปรียบเราอยู่ฝ่ายเดียว อย่าให้โลกทำร้ายเราอยู่ข้างเดียวตลอด อย่าให้อุปสรรคมาขัดแข้งขัดขาเราฝ่ายเดียว จงต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคที่หนักหนาเกินจะต้านเหล่านี้ให้จงได้
มาถึงบทส่งท้ายกันแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้างคุณผู้อ่านทุกท่าน สำหรับบทความรีวิวซีรีส์ไทยชั้นดีอย่าง Wannabe ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ดังจนเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง แต่ก็ดีเหลือเกินที่จะอดพูดถึงไม่ได้ ทั้งความตั้งใจในด้านบท ด้านดนตรีที่ทำแบบไม่ดูถูกคนดู ความเต็มที่ของนักแสดงที่เรียกได้ว่าใส่เต็มที่ ด้านนักแสดงนำก็ศึกษาแบบจัดเต็มเพื่อเข้าถึงอารมณ์แร็ปเปอร์แบบที่เรียกว่าสลัดทุกบทบาทที่เคยรับมา แบบทิ้งไว้ข้างหลัง อย่างไรก็ดี การส่งเสริมให้เด็กได้ทำตามความฝันด้านดนตรี ก็ไม่น่าใช่เรื่องที่น่าเสียหายแต่อย่างไร และประโยคเชยๆ อย่าง ให้เด็กมุ่งดนตรีกีฬา ดีกว่าหันหน้าเข้าอบายมุขเป็นไหนๆ และไม่ว่าจะ Wannabe หรือ 8 Mile ก็เป็นเรื่องที่ดีที่คอดนตรีควรหามาดูสักครั้ง
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
แสดงความคิดเห็นกันหน่อย 😎