ย้อนวันวานไปในสมัยในหนังเก่า มันไม่ง่ายเลยที่จะมีหนังโหดเลือดสาดสู่จอภาพยนตร์ได้ ด้วยข้อจำกัดอะไรหลายๆอย่าง รวมถึงบางครั้งที่ความรุนแรงกลายเป็นสิ่งที่ถูกห้าม มีหนังจากแดนอาทิตย์อุทัยอยู่เรื่องหนึ่งที่สร้างแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ มันแทบจะเป็นหนังหยุดโลกเลยก็ว่าได้ ด้วยเนื้อหาที่ใช่ จังหวะที่โดน และการเล่าเรื่องที่ถึงแก่น ความโหดดิบเถื่อนจนต้องร้องขอชีวิต และการสะท้อนสังคมที่ไม่ใช่แค่การแตะเหมือนท็อปปิ้งบนไอศกรีม แต่แตะแบบลงลึกลงไปในห้วงอเวจีเลยก็ว่าได้ และสามารถทำคนดูดิ่งไปกับความคาดไม่ถึงของตัวละครต่างๆแบบที่ไม่น่าเชื่อ และยังเป็นจุดกำเนิดของหนังไล่ล่าฆ่าฟันกันเองที่ยังเป็นที่กล่าวขานจนถึงทุกวันนี้ มันคือหนังเรื่อง “Battle Royale” นั่นเอง ซึ่งในวันนี้เราจะไปรู้จักกับเรื่องนี้แบบเจาะลึกกัน
คำเตือน! บทความนี้มีการเผยของเนื้อหาภาพยนตร์เรื่อง Battle Royale หากต้องการอ่านแบบไม่เสียอรรถรส กรุณาไปรับชมมาก่อน
เนื้อเรื่องย่อของ Battle Royale
เนื้อเรื่องย่อของ Battle Royale หรือชื่อไทยว่า “เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด” นั้นได้กล่าวถึงประเทศญี่ปุ่นที่ทุกอย่างนั้นได้พังลง ทั้งระบบสังคม และเศรษฐกิจรวมถึงการศึกษาได้พังลงด้วย ผู้คนในวัยผู้ใหญ่ตกงาน เด็กส่วนใหญ่ไม่ไปโรงเรียน ไม่เรียนหนังสือ ด้วยความหวาดกลัวที่จะสูญเสียอำนาจ จึงส่งนักเรียนจำนวนหนึ่งไปที่เกาะมรณะ โดยที่ทุกคนนั้นจะถูกใส่ปลอกคอแห่งความตาย และในเกาะแห่งนี้ นักเรียนทุกคนจะต้องถูกบังคับให้ไล่ล่าฆ่ากันฟันเอง เพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว โดยนักเรียนจะได้รับอาหารและน้ำ เข็มทิศ แผนที่ ไฟฉาย และอาวุธแบบสุ่ม เช่น มีด ขวาน ปืน หรือแม้แต่ ฝาหม้อ อีกทั้งในเกาะแห่งนี้ยังจุดเสี่ยงที่แตกต่างกันไปในแต่ละจุดอีกด้วย และภายในสามวัน หากไม่มีใครรอดชีวิตแบบ 1 คน ปลอกคอทุกอันจะระเบิด ซึ่งนั่นหมายถึงนักเรียนทุกคนจะต้องตาย ซึ่งในปัจจุบันมีให้รับชมแล้วถึง 2 ภาค
เพราะการบริหารที่ผิดพลาดของผู้ใหญ่ คนที่ซวยที่สุดก็คือเด็กวัยรุ่น
เมื่อระบบพังพินาศ แทนที่จะแก้ปัญหาให้ตรงจุด แต่กลับกลัวเสียอำนาจ และกล่าวโทษว่าวัยรุ่นเป็นฝ่ายผิดแทน นำมาซึ่งกติกาหรือเกมแห่งความตายทั้งๆที่พวกเขาและเธอต้องมาพบเจอ ต้องมาเล่นเกมอะไรก็ไม่รู้ ต้องมาเข่นฆ่ากันเอง สังเวยชีวิตในการบริหารงานที่ผิดพลาด และความเป็นหนังรักสดใสของวัยรุ่นอย่างที่ควรจะเป็น ต้องมาเปลี่ยนแปลงเป็นหนังไล่ล่าฆ่าฟันกันเอง ผ่านมิตรภาพ และการหักหลัง รวมไปถึงความเห็นแก่ตัว และการรักตัวกลัวตาย เมื่อเกาะมรณะกลายเป็นเหมือนมีดปอกตัวตน ความรัก ความปลอมออกไปจนหมดสิ้น ศพแล้วศพเล่าที่ถูกปลิดไป นอนกันตายเกลื่อน เหลือไว้เพียงอดีตความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และสายตาและสภาพจิตใจที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ในเกมมรณะนี้
Battle Royale กับเนื้อหาที่ไม่ได้เล่าเพียงมุมเดียว
แต่ก็ใช่ว่าเราจะได้เห็นมุมนั้นแค่อย่างเดียว เราจะได้เห็นถึงความพยายามของนักเรียนที่อยากจะเอาชนะระบบบนเกาะมรณะแห่งนี้ และพยายามเอาชนะครูอีกด้วย ซึ่งก็เป็นมุมที่คาดไม่ถึงที่เราจะได้เห็นจากหนังเรื่องนี้อีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้เราได้เรียนรู้ถึงจิตใจอันมืดบอดของมนุษย์ และถึงแม้หนังจะเล่าเพียงแค่สเกลเล็ก แต่ก็สามารถเล่าได้ดีในแบบที่ไม่จม ทุกคนสามารถได้รับแก่นสารจากสิ่งที่ผู้กำกับ ผู้สร้าง และนักแสดงต้องการจะสื่อได้ดี
Battle Royale ถือได้ว่าคือต้นกำเนิดหนังไล่ล่าฆ่าฟันกันเองจนกลายเป็นอีกแนวของสื่อที่น่าจับตามอง
ด้วยคอนเซปต์ของหนัง Battle Royale ที่เป็นเอกลักษณ์และชัดเจนขนาดนี้ ส่งผลทำให้มีสื่อต่างๆ ทำแนวนี้ไหลออกมากันเป็นสิบ เรียงหน้ามากันเป็นตับ โดยเฉพาะแก่นของหนังไล่ล่าฆ่าฟันกันเอง ต้องบอกก่อนว่าสื่อต่อไปนี้ อาจจะไม่ได้มีแรงบันดาลมาจากหนังเรื่องนี้ เพียงแค่มีสื่อแนวนี้ไหลออกมาเป็นจำนวนมากแค่นั้นเอง หลักๆที่เห็นชัดเลยเช่น Squid Games, Alice in Borderland, Death Race, Hunger Games หรือแม้กระทั่งมีเกมดังๆที่เล่นกันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง Fortnite, Call of Duty®: Mobile, PlayerUnknown’s Battleground, Apex Legends, Ultimate Knockout ก็มีมาอีกด้วย จนบางครั้งมันก็กลายเป็นคำพูดติดปากประมาณว่า หนังแนว Battle Royale, ซีรีส์แนว Battle Royale, เกมแนว Battle Royale เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่ามีให้เลือกเสพแบบลืมเบื่อเลยทีเดียว
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับหนังเกมมรณะเรื่องนี้ ถึงแม้จะเป็นหนังที่รุนแรงระดับโหดเลือดสาด แต่ก็น่าจะเป็นหนังสะท้อนสังคมที่จริงที่สุดแล้ว ไม่มีเวทย์มนตร์ ไม่มีความแฟนตาซี ไม่จำเป็นต้องทุนสูง ไม่จำเป็นต้องหวือหวาอะไรมากมาย ก็คว้าใจคนดูไปมากมาย จวบจนทุกวันนี้ ซึ่งความจริงแล้วโลกเรามันก็โหดร้าย ไม่ต่างอะไรกับในหนังสักเท่าไหร่หรอก ที่มีความเห็นแก่ตัว การทรยศ การหักหลังแฝงอยู่ในมนุษย์ นี่ขนาดยังไม่ได้เล่าอะไรที่กว้างมาก ยังถ่ายทอดออกมาได้เจ็บปวดขนาดนี้ อย่างที่ได้เล่าสู่กันฟังไปว่า ในความเป็นจริงยังมีสื่ออะไรแบบนี้ออกมาเยอะมาก บางสื่อนั้นเล่าได้ลึกกว่า เจ็บกว่าเสียด้วยซ้ำ หากมีโอกาสจะนำกลับมาเล่าอีกอย่างแน่นอน
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
แสดงความคิดเห็นกันหน่อย 😎