บนโลกนี้มีภาพยนตร์มากมายหลายหลากด้วยกัน และภาพยนตร์ก็มีหลากหลายแนวเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ชนโรง หรือว่าภาพยนตร์ที่ฉายลงสตรีมมิ่งก็ตามแต่ ไหนจะภาพยนตร์เดี่ยวหรือแฟรนไชส์ ก็ตามที เรียกว่ามีให้ดูจนตาแฉะไม่เป็นอันเรียนอันทำงานเลยทีเดียว แต่ในวันนี้เราจะมีภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่ครองใจแฟนคลับทั่วโลกมายาวนานหลายปี เป็นภาพยนตร์ผจญภัยที่ผสมผสานความแอ็คชั่นที่จะทำให้ทุกคนลุ้นระทึกจนตัวโก่งเลยทีเดียว เรื่องนี้มีชื่อว่า “Indiana Jones” นั่นเอง ซึ่งในตอนนี้กำลังจะมีภาคใหม่มาให้ได้รับชมกันแล้วในเร็วๆนี้ แต่สำหรับใครที่ไม่เคยรับชมหรือรับชมมาแล้ว อยากจะทบทวนเนื้อเรื่องแล้วล่ะก็ ผู้เขียนก็จะแนะนำและป้ายยาให้ได้รู้จักแต่ละภาคกัน
Raiders of the Lost Ark : ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า
สำหรับ Indiana Jones ภาคแรกนั้น จะเริ่มต้นในปี 1936 ที่ “Indiana Jones” ในปัจจุบันเป็นอาจารย์ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขาเป็นเพื่อนกับ “Marcus Brody” อยู่มาวันหนึ่งเขาได้พา Indiana Jones ไปเจอกับหน่วยสืบราชการลับ เพื่อทราบข่าวว่าเหล่านาซีได้ตระเวนขุดหาโบราณวัตถุซึ่งนั่นคือ พระคัมภีร์ของโมเสสที่ถูกฝังอยู่ในวังแห่งวิญญาณ เขาได้เจอกับ “Marion” ที่ถือของวิเศษที่จะนำไปสู่พระคัมภีร์นี้ ในขณะเดียวกัน “Arnold Toht” ที่เป็นพวกนาซีก็ต้องการของวิเศษชิ้นนี้เช่นเดียวกัน โดยได้ส่ง “René Belloq” ศัตรูตัวฉกาจที่ได้เกณฑ์นักขุดไปหมดทั้งบริเวณนั้น การผจญภัยของเขานั้นไม่ง่ายเอาเสียเลย เพราะนอกจากศัตรูที่เป็นคนแล้ว เขาต้องเจอกับปริศนาที่ยาก สภาพอากาศที่แปรปรวน รวมถึงสัตว์อันตราย
Indiana Jones and the Temple of Doom : ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 2 ตอน ถล่มวิหารเจ้าแม่กาลี
ภาพยนตร์ผจญภัยเรื่องนี้เริ่มต้นในปี 1935 ที่ Indiana Jones ต้องหลบหนีมาเฟียผู้ชั่วร้ายจากเซี่ยงไฮ้นามว่า “Lao Che” จากการดื่มยาพิษ โชคยังดีที่ “Willie Scott” เก็บยาถอนพิษเอาไว้ได้ในสถานการณ์ที่ชุลมุน และได้ “Short Round” เด็กน้อยวัยประถมช่วยพากันหนีโดยการขึ้นเครื่องบินของมาเฟียคนนี้ แต่ทว่าพวกเขาก็โดนซ้อนแผน ด้วยการเอาน้ำมันเครื่องบินออกจนหมด จนทำให้ต้องนั่งเรือยางตามกระแสน้ำจนมาเจอหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอินเดียที่แร้นแค้น ไร้ผลผลิตเชิงการเกษตรซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเจ้าแม่กาลีอยู่เบื้องหลังหายนะ ไหนจะเหล่าเด็กๆที่ถูกจับไปเป็นแรงงานทาส ภารกิจของเขาก็คือ ตามหาศิลาศักดิ์สิทธิ์ เขาได้เจอกับ “Chattar Lal” ผู้ชักใยแผนการอันชั่วร้าย และ “Mola Ram” ผู้นำใหญ่ของที่นั่นที่นำคนเป็นๆมาสังเวยเจ้าแม่กาลี ซึ่งทำให้เขาต้องเอาตัวรอดท่ามกลางกับดัก พร้อมต้องปลดปล่อยแรงงานทาสให้ได้
Indiana Jones and the Last Crusade : ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 3 ตอน ศึกอภินิหารครูเสด
ภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยในภาค 3 นี้จะเริ่มต้นที่ปี 1938 ที่ Indiana Jones ได้พบกับวัสดุลึกลับ และ “Walter Donovan” ที่เดินทางมาหาเขา เพื่อขอความช่วยเหลือโดยการให้ถอดรหัสหนึ่งในชิ้นส่วนของศิลาจารึกที่จะพาเขาไปพบกับจอกศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งใครก็ตามที่ได้ดื่มน้ำในจอกนั้นจะพบกับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ส่วนชิ้นส่วนอีกชิ้นนั้นถูกเก็บไว้กับ “Henry Jones” ผู้เป็นพ่อ โดยมี “Elsa” และ Marcus ให้ความช่วยเหลืออีกด้วย พวกเขาต้องเดินทางไปที่ประเทศอิตาลีเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จให้ได้ พวกเขาได้แกะปริศนาทั้งหมดจนรู้ว่ามันอยู่ที่หุบผาแห่งพระจันทร์เสี้ยว แต่นอกจากการเดินทางที่ยากลำบากแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องเจอก็คือเหล่าคนของนาซี และการถอดรหัสเพื่อแก้ปริศนากลไกทั้งสามอย่างเพื่อนำไปสู่จอกศักดิ์สิทธิ์
Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull : ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 4 ตอน อาณาจักรกะโหลกแก้ว
ภาพยนตร์ผจญภัยในภาค 4 นี้จะเล่าถึงเหตุการณ์ในปี 1957 ที่ Indiana Jones ที่ถูกบอสใหญ่อย่าง “Irina Spalko” ใช้งานให้หาของบางอย่าง หลังจากที่ถูกทหารชาวรัสเซียจับตัวไป ซึ่งของที่ว่านั่นก็คือซากสิ่งมีชีวิตเพื่อจะนำพาไปสู่สิ่งที่เธอต้องการ การเอาชีวิตรอดของเขานั้นไม่ง่ายเลยเพราะนอกจากที่เขาจะถูกพวกทหารทรยศแล้ว เขายังโดนเข้าใจผิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งชั่วร้ายจึงถูกพักงานจากการเป็นอาจารย์ เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ประเทศเยอรมนี จนได้เจอกับเบาะแสของ “Professor Oxley” เกี่ยวกับกะโหลกแก้วที่เชื่อมโยงไปยัง Akator ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องเดินทางอีกครั้ง แต่ก็ยังมิวายโดนกลุ่มคนร้ายที่จับกลุ่มพระเอกไปที่ป่าอะเมซอน ประเทศบราซิล พวกเขาจองล้างจองผลาญมุ่งทำร้ายพระเอกกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และดูเหมือนว่ากะโหลกแก้วจะนำมาซึ่งการคืนชีพของสิ่งมีชีวิตประหลาด
จบบทความกันไปแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับบทความป้ายยาภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยที่ลุ้นตัวโก่ง และสุดดุเดือดเรื่อง Indiana Jones นี้ อย่างที่บอกว่านี่เป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ครองใจคนดูมาแล้วหลายสิบปีด้วยกัน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นภาพยนตร์ที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แถมยังได้เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ติดไม้ติดมือไปอีกด้วย ความจริงแล้วสิ่งที่น่าทึ่งมากๆจากเรื่องนี้ก็คือ การถ่ายทำและเอฟเฟกต์ที่ถึงแม้จะเป็นหนังเก่าแต่ก็มีความทันสมัยเทียบเท่ายุคปัจจุบันแบบไม่ขี้เหร่เลย ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้ผู้เขียนเฝ้ารอการมาของภาพยนตร์แฟรนไชส์ภาคใหม่ที่ชื่อว่า “Indiana Jones and the Dial of Destiny” หรือชื่อไทยว่า “อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา” ว่าจะสนุกมากแค่ไหน ก็คงต้องลุ้นไปพร้อมกันจากนี้
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)
📕 อ้างอิงรูปภาพ
- https://www.imdb.com/title/tt0087469/
- https://www.imdb.com/title/tt0367882/
- https://www.imdb.com/title/tt0097576/
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม