ประเทศไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม เสน่ห์ของประเทศไทยอย่างหนึ่งเลยก็คือเสียงหัวเราะและความอารมณ์ดี ซึ่งเอกลักษณ์ที่ต่างชาติรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีเป็นเวลายาวนานเป็นร้อยๆปีเลยทีเดียว บุคลากรสายตลกก็มีมากมายหลายท่าน ตั้งแต่ตลกคาเฟ่ ตลกออนไลน์ ตลกจำอวด จนมาถึงตลกสายนักแสดง จึงเกิดเป็นละคร หนัง ซีรี่ส์แนวตลกมากมาย ซึ่งผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะหยิบหนังตลกไทยมารีวิวและเล่าเรื่องย่อให้อ่านเป็นน้ำจิ้มก่อนไปดูหนังจริง ด้วยหนังหลายเรื่องที่สนุกเกินคาด และบางเรื่องทำเอาหัวเราะตกเก้าอี้อย่างไม่น่าเชื่อ และหนังตลกนั้นเป็นหนังที่ดูคนเดียวก็ได้ แต่ถ้าดูกันหลายๆคนมันจะเพิ่มความสนุกมากมายหลายเท่าตัวแน่นอน ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ไปเริ่มกันเลยดีกว่า
โกยเถอะโยม : See How They Run
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเริ่มต้นเรื่องแรกกันที่หนังจากค่ายหนังอารมณ์ดี ที่ดูเหมือนจะเป็นหนังผี แต่ความจริงแล้ว เป็นหนังขายขำล้วนๆ เลย เรียกได้ว่าเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี ดูกันได้ทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว กับเรื่องราวของชาวบ้านที่แห่ไปขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อ เหตุเพราะโดนผีเร่ร่อนมาหลอกหลอนจนสร้างความไม่สบายใจให้แก่ชาวบ้านไปทั่ว ซึ่งผีตนนั้นเกิดจาก “นางวิไล” ที่ไปทำแท้งจนเด็กตาย และการที่เด็กตนนี้อยากจะเจอหน้าพ่อที่ไม่เคยเจอ ผนวกกับความเหงาโดดเดี่ยวและอยากมีเพื่อน จึงเป็นที่มาของความวุ่นวาย ต่างคนต่างก็เจอความหลอนกันไปคนละแบบ แต่สุดท้ายทุกคนก็มารวมตัวกันที่ศาลาเพื่อหาวิธีจัดการ ซึ่งสุดท้ายแล้วเห็นว่าการเผชิญหน้ากับผีตรงๆคือทางออกที่ดีที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้
ด้วยมุกตลกของเหล่าบรรดาตัวละครน้อยใหญ่ที่สาดใส่กันแบบไม่ยั้ง เรียกได้ว่าโครมครามตลอดทั้งเรื่อง ทำให้เรื่องนี้ไม่น่าเบื่อเลย และตอนจบที่ทำเอาซึ้งน้ำตาแตกไปเลยทีเดียว
กับการกำกับของเจ้าพ่อสายตลกอย่าง “จตุรงค์ พลบูรณ์” กับนักแสดงที่มาเสิร์ฟความฮาแบบคับคั่ง เรียกได้ว่าไม่เสียเวลาดูแน่นอน ทำให้เป็นเรื่องแรกที่อยากแนะนำให้ไปชมกัน ตอนนี้มีให้ชมกันแบบถูกลิขสิทธิ์แล้วทาง Netflix
ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้ : I Fine Thank You Love You
มาต่อกันที่เรื่องที่ 2 เรื่องจากค่ายหนังอารมณ์ดีเช่นเคย กับหนังที่ทำให้อารมณ์ดีไปตลอดทั้งเรื่องกับเรื่องราว อย่าง “ยิม” หนุ่มโรงงานที่ความรู้ภาษาอังกฤษในระดับต่ำกับ “เพลง” ติวเตอร์สาวสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งทั้งคู่ต้องโคจรมาพบกัน เมื่อแฟนสาวของยิมตัดสินใจบอกเลิกแฟนหนุ่มไปอเมริกา เมื่อยิมรู้เข้าจึงอารมณ์ขึ้น กล่าวหาว่าเพลงเป็นสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นมาถึงจุดจบ แต่สุดท้ายยิมก็ขอร้องให้เพลงช่วยสอนภาษาอังกฤษให้กับเขาเพื่อที่จะได้ตามไปง้อแฟน ซึ่งความอลหม่านได้แปรเปลี่ยนเป็นความรักไปในที่สุด เมื่อเพลงเริ่มเห็นวิวัฒนาการความเก่งในตัวเขา จากที่แค่ต้องสอนเพราะความจำยอม แต่ทว่าในเรื่องยังมี “พฤกษ์” หนุ่มหล่อที่เปรียบเสมือนชายในฝัน ที่รูปหล่อ ฐานะดี และโรแมนติก มาทำให้มีผลต่อความสัมพันธ์ของยิมและเพลงอีกด้วย และผู้ชมจะได้ลุ้นกันว่าหนุ่มโรงานอย่างยิมจะง้อแฟนสำเร็จหรือไม่ ด้วยนักแสดงนำอย่าง “ซันนี่ สุวรรณเมทานนท์” ก็สามารถการันตีถึงคุณภาพคับแก้วแล้ว ยิ่งได้ “ตู่ ภพธร” และ “โซระ อาโออิ” นักแสดงสาวจากแดนปลาดิบขวัญใจชาวไทยมาด้วย รับประกันความสนุกแบบปรอทแตกแน่นอน จะโรแมนติกคอมเมดี้ขนาดไหนสามารถรับชมได้ผ่าน Netflix แบบถูกลิขสิทธิ์
บอสฉัน..ขยันเชือด : My Boss is a Serial Killer
มาสู่เรื่องที่ 3 ที่อยากให้ได้ไปรับชมกัน เป็นเรื่องราววุ่นๆที่เกิดขึ้นในสังคมออฟฟิศเนื้อเรื่องมีการเล่นใหญ่ถึงขีดสุด ตั้งแต่การกรีฑาทัพของนักแสดงอย่าง “สหรัถ สังคปรีชา” “ปรีชญา พงษ์ธนานิกร” “ปราโมทย์ ปาทาน” รวมถึง “สัณหณัฐ ทิราชีพ” และ “พงศธร จงวิลาส” กับเรื่องราวของพนักงานในออฟฟิศที่ดันไปรู้ความลับที่ว่าเจ้านายของเขาดันกลายเป็นอดีตฆาตกรต่อเนื่อง แถมยังเป็นฆาตกรโรคจิตอีกต่างหาก เรื่องแดงขึ้นจนต้องเกิดภารกิจในการขุดหาอดีตและสืบหาความลับจึงเริ่มต้น เหตุการณ์กับบานปลายกว่าเดิม เพราะมีพนักงานที่เคยมีปัญหากับเจ้านายกลับหายไปด้วย พนักงานเห็นท่าไม่ดี จึงมีการวานจ้าง เจ้าพ่อทฤษฎีสมคบมาช่วยสืบคดีนี้ มหากาพย์ของความวุ่นวายจึงได้ถือกำเนิดขึ้น ด้วยพล็อตเรื่องที่แปลกแหวกแนว ไอเดียที่สุดล้ำทำให้น่าต่อการเข้าไปดู สรุปแล้วจุดจบของเรื่องจะเป็นอย่างไรสามารถติดตามได้แบบถูกลิขสิทธิ์แล้วที่ Netflix ไปพิสูจน์กันได้เลย
ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก
เดินทางมาถึงเรื่องที่ 4 กันแล้วสำหรับหนังตลกไทย สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังคอมเมดี้ ที่ครบรสเลยทีเดียว เพราะมาทั้งตลก ดราม่าความสัมพันธ์ และเล่นถึงประเด็นสังคมได้ดีเรื่องหนึ่งเลย กับเรื่องของ “ศักรินทร์” ที่รับบทโดย “พชร จิราธิวัฒน์” เด็กหนุ่มวัยทำงานอายุ 25 ปีที่มาหางานทำในเมืองหลวง แต่ทว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทำให้ไม่มีที่ใดรับชายหนุ่มอย่างเขา ทำให้เขาต้องโกหกทางบ้านที่อยู่ต่างจังหวัดว่า เขาเป็นหนุ่มแบงค์ที่กำลังจะกลายเป็นผู้จัดการ
เพียงเพราะเขาไม่อยากเห็น “สุรีย์” ผู้เป็นแม่และยายต้องเสียใจ ซึ่งคนเป็นแม่นั้นรับอาชีพร้องเพลงตามงานต่างๆ ทั้งงานแต่ง งานบวช และรับจ้างซักรีดส่วนคุณยายในตอนนี้ก็อยู่ในสภาพที่ป่วยหนัก
ทุกๆวันเขาจะแกล้งทำเป็นใส่ชุดพนักงานธนาคารออกจากบ้านที่อยุธยาก่อนที่เปลี่ยนชุดเป็นอาชีพที่แท้จริงอย่าง “วินมอเตอร์ไซค์” ในกรุงเทพเพื่อปิดบังไม่ให้ใครรับรู้ แต่ทว่าเขาก็ได้เจอกับจ๋าย “ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล” เพื่อนสมัยเด็กของศักรินทร์ที่ไม่อยากทำงานแบงค์เพราะเบื่องานที่ต้องทำทุกอย่างซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น กับแฟนหนุ่มอย่าง “เอ” แฟนหนุ่มที่รับบทโดย “ปราโมทย์ ปาทาน” ที่ไม่ถูกชะตากับศักรินทร์หลังจากร่วมมือกับจ๋าย เปิดโปงว่ามีชู้ ทว่าชีวิตของศักรินทร์ก็มีอุปสรรคเมื่อ “ลุงปรีชา” ตำรวจวัยเกษียณที่ผันตัวมาประกอบอาชีพขายตุ๊กตาตามงานวัด ที่จับผิดเขาแล้วไม่เชื่อว่าเขาประกอบอาชีพพนักงานธนาคารอย่างที่ได้อ้างไปกับครอบครัว ทว่าปัญหามันก็เกิดขึ้นเมื่อลุงวิทยาชวนลุงวิทยาและสุรีย์มาร้องเพลงที่กรุงเทพที่ธนาคาร ทำให้ศักรินทร์ต้องเผชิญหน้ากับความจริงกับรีแอคชั่นกับคนรอบข้าง ที่เขาจะต้องฝ่ามันไปให้ได้
ด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่างที่ใส่ไว้อย่างลงตัว ทำให้เป็นภาพยนตร์ที่น่าติดตามเรื่องหนึ่งเลย สามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วผ่านทาง Netflix
ไบค์แมน 2
หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากภาคแรก ได้ถือกำเนิดภาค 2 กับนักแสดงที่เพิ่มมากขึ้น ที่ศักรินทร์ตอนนี้ได้เป็นพนักงานธนาคารสมใจอยากจากการลาออกของจ๋ายในภาคที่แล้ว และพ่อของจ๋ายที่รับบทโดย “สมชาย เข็มกลัด” อย่างศักดาที่มีความคาดหวังในตัวลูกสาวอย่างจ๋ายที่สูง จนอยากจะเจอกับครอบครัวของแฟนหลังจากที่จ๋ายได้บอกไปว่า เธอมีแฟนที่ชื่อศักรินทร์ ทำให้ทั้งครอบครัวและแกงค์เพื่อนของศักรินทร์ต้องไปเจอหน้ากับศักดา อีกทั้งจ๋ายเองยังไม่ถูกกับคนเป็นพ่ออีกด้วย กับภารกิจพิชิตใจพ่อตา เพราะถ้าทำพลาดขึ้นมา ความซวยมาเยือนเป็นแน่ และเรื่องนี้เราจะเห็นความสัมพันธ์ของจ๋ายกับพ่ออีกด้วย แต่ทว่าชะตากรรมของจ๋ายยังไม่หมดแค่นี้ เพราะว่า “เอ” ผู้ที่ถูกลดสถานะไปเป็นแฟนเก่ายังคงมาตามราวีไม่เลิก ถึงจะเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลกับการพูดแต่ทว่าเขากลับไม่ลดละความพยายามที่จะพาจ๋ายคืนมาดั่งเดิม
นับว่าภาคนี้จัดเต็มมากขึ้น ทั้งนักแสดง กราฟฟิก เอฟเฟกต์ ความตลก และความวายป่วง ที่เรียกได้ว่าคืนกำไรสู่คนดูแน่นอน
แหยม ยโสธร
ถ้าจะให้พูดถึงหนังตลกที่เรียกได้ประสบความสำเร็จจนมีหนังตามออกมาหลายเรื่อง คงจะหนีไม่พ้น “แหยม ยโสธร” แน่ๆ กับเรื่องราวตลกแนวย้อนยุคจากค่ายหนังอย่าง สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล กับเรื่องราวกับ 2 คู่รักที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ที่ “ทอง” รับบทโดย “ชัยพันธ์ นินกง” กับ “สร้อย” ที่รับบทโดย “เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ” ที่หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า และ “แหยม” ที่รับบทโดย “หม่ำ จ๊กม๊ก” กับ “เจ้ย” ที่รับบทโดย “เจเน็ต เขียว” ที่รับบทที่คู่รักน่ารำคาญเพราะฝ่ายหญิงเอาแต่ตามตื้ออยู่ฝ่ายเดียว โดยสามคนที่เหลือพยายามทำให้เจ้ยและแหยมได้สมหวังในความรัก เพราะแหยมไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเลยแม้แต่น้อย
หนำซ้ำอุปสรรคสำคัญอย่าง “คุณนายดอกท้อ” ที่รับบทโดย “แวว จ๊กม๊ก” ที่รังเกียจทองเข้าไส้ เหตุเพราะความจน ทำให้ฝ่ายหญิงต้องจำต้องใช้ชีวิตอย่างทรมานเพราะความคิดถึงหนุ่มอันเป็นที่รัก หลังจากคุณนายดอกท้อกีดกันไว้ไม่ให้เจอกัน แต่แผนใหญ่ก็บังเกิดขึ้น เมื่อคุณนายส่งทั้งคู่ไปอยู่กรุงเทพ ทำให้ทั้งแหยมและทองต่างพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอกันอีกครั้ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร อยากให้ทุกคนไปพิสูจน์พร้อมๆกัน
แหยม ยโสธร 2
เมื่อมีภาคหนึ่งก็ต้องมีภาคสองตามออกมาสำหรับแหยมยโสธรภาคสอง กับเรื่องราว 20 ปีให้หลัง เมื่อแหยมที่ได้กลายเป็นกำนันได้ลงเอยกับเจ้ย จนมีทายาทนับโหลพอดี ซึ่งต่างคนต่างก็แยกย้ายไปกันแต่งงานกันหมด เหลือเพียงแค่ลูกชายและลูกสาวอย่างละหนึ่งคนที่ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา เมื่อชะตาฟ้าได้ลิขิตให้ “ปลัดธนู” ที่รับบทโดย “ดิม Tattoo Colour” หรือ “หรินทร์ สุธรรมจรัส” หนุ่มหล่อจากแดนกรุงเทพที่คิดว่าจะมาพัฒนาตำบลแต่ทว่ากลับหลงใหลในตัว “อีแว่” ที่รับบทโดย “บุษราคัม วงษ์คำเหลา” ถึงขั้นมาขยันขายขนมจีบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยมี “บักคำผาน” ที่รับบทโดย “เพทาย วงษ์คำเหลา” คอยเป็นคนสนับสนุนอีกด้วย แต่ทว่ากำนันกลับถูกใจ “เกษตรฉัตรชัย” ที่รับบทโดย “จรณ์ วงษ์คำเหลา” เสียมากกว่า เรื่องมันเดือดร้อนจนต้องให้ “หลวงพี่ยอดชาย” ที่รับบทโดย “อนุวัฒน์ ทาระพันธ์” ที่ตัดสินใจบวชไม่สึกจากภาคที่แล้ว ต้องมาให้ความช่วยเหลือ
เรื่องนี้ดีกรีความตลกแบบจัดเต็มแน่นอน ด้วยนักแสดงที่มากขึ้น อีกทั้งนักแสดงจากตระกูลวงษ์คำเหลาที่มากันเพียบและถ้าใครเป็นสาวกวง Tattoo Colour เตรียมฟินได้เลยเพราะเรียกได้ว่า “มากันยกวงแน่นอน” จะสนุกสนานแค่ไหน อยากให้ทุกคนไปพิสูจน์กัน
แหยม ยโสธร 3
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะหนังเรื่องนี้เดินทางมาถึงภาค 3 กับหนังภาคต่อ ที่เป็นเหมือนไวน์เก่าในขวดใบใหม่ เมื่อลูกๆทุกคนต่างออกเรือนไปจนหมดเหลือเพียงบักคำผาน ที่ยังไม่เรียนจบเพราะซ้ำชั้นมาหลายปี แต่กระนั้นก็ดันไปตกหลุมรัก “รำเพย” ที่รับบทโดย “รัตติยาภรณ์ ภักดีล้น” ในระหว่างนี้ลูกชายอีกคนของแหยมอย่าง “คฑาเทพ” รับบทโดย “กฤตฤทธิ์ บุตรพรม” ได้กลับมาเยี่ยมในช่วงปิดเทอมและได้พบรักกับ “รำพัน” ที่รับบทโดย “อิงฟ้า เกตุคำ” ที่เป็นลูกสาวของ “กำนันปอย” เพื่อนที่ไปแย่งแฟนเก่าของแหยม อย่าง “รำพึง” ที่รับบทโดย “เอ็นดู วงษ์คำเหลา” นั่นเอง
ความพิเศษของภาคนี้ก็คือ หนังเรื่องนี้ได้ “เอ็นดู วงษ์คำเหลา” ที่เป็นภรรยาตัวจริงของหม่ำ จ๊กม๊กมาเล่นด้วยนั่นเอง ส่วนเส้นเรื่องของเรื่องนี้ จากคำโปรยได้บอกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องราวของความรักนั้นเรียกได้ว่าวุ่นวายไม่แพ้เรื่องอื่นเลยทีเดียว หากมีโอกาสก็อยากจะให้ไปดูกัน
เมย์ไหน.. ไฟแรงเฟร่อ : May Who
มาต่อกันที่อีกเรื่องหนึ่งจากค่ายหนังอารมณ์ดี กำกับโดย “ชยนพ บุญประกอบ” ที่จะพาผู้ชมพบกับสมัยวัยเรียนสุดแสนจะกระชุ่มกระชวย กับนักแสดงคุณภาพอย่าง “ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์” กับการรับบทเป็นสาววัยมัธยมผู้ซึ่งไร้ตัวตนอย่าง “เมย์”เช่นเดียวกับ “ป๋อง” รับบทโดย “ธิติ มหาโยธารักษ์” ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วย บุคคลฐานันดรต่างๆ ทั้งคนหน้าตาดี คนเรียนเก่ง นักกีฬา แม้แต่อันธพาล ตัดมาที่ “มิ้ง” สาวมัธยมปลายผู้เป็นตัวท็อปของโรงเรียนที่ถูกป๋องแอบชอบ แต่ทว่าด้วยความที่ไม่กล้าพอจึงทำได้แค่วาดรูปเป็นการ์ตูนลงสมุด ทว่าดันพลาดเอาสมุดเล่มนั้นไปส่งครู และมิ้งก็ได้รับรู้เรื่องนี้ไปในที่สุด ตัดภาพกลับมาที่ “เมย์” ที่แอบชอบ “เฟม” รุ่นพี่เป็นเหมือนจุดสูงสุดของฐานันดรผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ แต่ว่าเธอเลือกที่จะปิดบังตัวตนเพราะว่าเธอมีพลังวิเศษที่อาจจะส่งผลร้ายกับเธอนั่นคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่เหนื่อย ตื่นเต้น หรือตกใจก็จะปล่อยแสงไฟฟ้าออกมา แต่ทั้งเมย์และป๋องต่างก็ไม่ยอมแพ้กับอุปสรรครักในครั้งนี้ บทสรุปของเขาจะเป็นอย่างไรต้องติดตามต่อไปจนจบ สำหรับเรื่องนี้นับว่าสนุกระดับสิบกะโหลกเลยก็ว่าได้ เพราะสัดส่วนระหว่างตลกและโรแมนติก ทำออกมาได้ลงตัวอย่างที่สุด ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้แล้วผ่านทาง Netflix
พี่มาก..พระโขนง : Pee Mak
ก้าวเข้าสู่อีกเรื่องหนึ่งกับค่ายหนังอารมณ์ดีที่กระแสตอบรับดีมาก รายรับรวม 1,000 ล้านบาททั่วประเทศ กับเรื่องราวที่ผสมผสานกันระหว่าง ตลก สยองขวัญ และโรแมนติก กับการกำกับของ “บรรจง ปิสัญธนะกุล” ผู้ที่โด่งดังจากการทำหนังผีหลายต่อหลายเรื่อง แต่ทว่ากับหนังเรื่องนี้กลับสร้างผลตอบรับที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ กับเรื่องราวของ “นางนาก” ที่ผ่านการตีความใหม่ เล่าเรื่องใหม่ โดยไม่ได้มีเจตนาลบหลู่แต่ประการใด
เนื้อเรื่องกล่าวถึงในสมัยโบราณที่ชาวบ้านต้องถูกเกณฑ์ไปรบเนื่องจากสงคราม “พี่มาก” จำเป็นต้องจากลูกจากเมียไปรบ ระหว่านั้นเขาได้ช่วยชีวิตทหารเกณฑ์ 4 คนนั่นคือ “เต๋อ” ที่รับบทโดย “ณัฏฐพงษ์ ชาติพงษ์”, “เผือก” ที่รับบทโดย “พงศธร จงวิลาส”, “ชิน” ที่รับบทโดย “อัฒรุต คงราศรี”, และ “เอ” ที่รับบทโดย “กันตพัฒน์ สีดา” หลังจากนั้นทหารทั้ง 4 และพี่มากก็ได้มาสนิทกัน เมื่อสงครามได้สงบลงมากจึงชวนเพื่อนๆไปเยี่ยมที่บ้านและได้พบกับ “นาก” ที่รับบทโดย “ดาวิกา โฮร์เน่” และลูกชาย โดยที่ทั้ง 4 เลือกที่จะอยู่ในบ้านหลังตรงข้าม ก่อนจะมีข่าวว่านาคได้เสียชีวิตเป็นผีตายท้องกลม หรือผู้หญิงที่ตายขณะที่กำลังมีลูกในท้อง จากเจ้าของร้านยาดองอย่างยายเปรียก ในตอนแรกที่ไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งยายเปรียกได้เสียชีวิตจากการจมน้ำตายลอยขึ้นอืด ทำให้ทั้ง 4 เริ่มเชื่อแล้วว่าการเสียชีวิตของนางนากเป็นเรื่องจริง
ด้วยเรื่องราวที่ทั้งสนุก ตลกปนสยอง และเคล้าความดราม่าได้อย่างลงตัว จึงทำให้ไม่แปลกที่กระแสตอบรับจากคนดูล้นหลามขนาดนี้ ซึ่งคนดูสามารถไปพิสูจน์ได้ที่ Netflix
น้อง พี่ ที่รัก
มาสู่อีกหนึ่งเรื่องของหนังตลกไทยที่อยากแนะนำให้รู้จักกันกับเรื่องราวของสองพี่น้องที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่อย่าง “ชัชวินทร์” คนพี่ที่รับบทโดย “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” และ “เจนขวัญ” คนน้องที่รับบทโดย “อุรัสยา เสปอร์บันด์” เมื่อสิ่งที่เจนทำนั้นดูเหมือนจะเป็นพฤติกรรมของคนเป็นแม่มากกว่าน้อง เหตุเพราะความเพอร์เฟกต์ที่มากกว่าคนเป็นพี่ไปเสียทุกด้าน อย่างเช่นการเรียน นิสัย หรือแม้แต่หน้าที่การงาน ส่วนคนเป็นพี่ก็ชอบทำตัวเป็นภาระเสียเหลือเกิน ทำให้ทั้งสองคนนี้มีปากมีเสียงกันตลอด
จนกระทั่งวันหนึ่งเจนขวัญได้มีแฟนอย่าง “โมจิ” ชายหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นโปรไฟล์ดี แต่ทว่าพี่ชายอย่างชัชที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนอุปสรรคต่อชายทุกคนที่มาจีบน้องสาวของเขา แต่สำหรับเจนแล้ว คนนี้เธอจะต้องปิดบังไว้ไม่ให้พี่ชายของเธอรับรู้ เรื่องความอลหม่านจึงเริ่มขึ้น
ด้วยในเรื่องทุกคนนั้นมีปมปัญหาเป็นของตัวเองที่ต้องจัดการ รวมถึงในเรื่องที่ซ่อนปมดราม่าจนทำให้ใครหลายต่อหลายคนน้ำตาไหล ร้องไห้กันไปตามๆกันเลยทีเดียว กับความสัมพันธ์ของทั้งสามที่ผนวกรวมเป็นเส้นเดียวกันได้อย่างลงตัว ในตอนนี้ผู้ชมทุกท่านสามารถไปรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วทาง Netflix
ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้
เป็นการข้ามจักรวาลทะลุมิติที่แท้จริงสำหรับวัฒนธรรมอีสานกับไอดอลไทยเชื้อสายญี่ปุ่นกำลังโด่งดังเป็นพลุแตก กับการร่วมมือกันของสองบริษัทจัดทำหนังเรื่องหนึ่งโดยมีสมาชิก BNK48 แสดงถึง 8 คนด้วยกันคือ โดยต่างคนต่างรับบทเป็นตัวเองคือ “เนย – กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล”, “แก้ว – ณัฐรุจา ชุติวรรณโสภณ”, “โมบายล์ – พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค” , “ปูเป้ – จิรดาภา อินทจักร” , “น้ำใส – พิชญาภา นาถา” , “ไข่มุก -วรัทยา ดีสมเลิศ” , “น้ำหนึ่ง – มิลิน ดอกเทียน”, และ “ตาหวาน – อิสราภา ธวัชภักดี” ส่วนฝั่งไทบ้านนำทีมโดย “จาลอด – ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร”, “ครูแก้ว – ธันวาพร นาสมบัติ” “มืด – ธนาดล บัวระบัติ” รวมถึงตัวละครนำรับเชิญอย่าง “ก้อง ห้วยไร่”
เนื้อเรื่องกล่าวถึงสมาชิก BNK48 ทั้ง 8 คนต้องมาทำเพลงอีสานเนื่องจากกระแสของวงอยู่ในช่วงขาลง โปรเจกต์นี้เป็นความลับโดยพวกเธอทั้งหมดต้องเดินทางไปยังจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อซึมซับวัฒนธรรมอีสาน โปรเจกต์ดังกล่าวเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะสมาชิก BNK48 ที่เป็นดั่งลูกผู้ดีต้องมาเปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งทำการเกษตรและกินอาหารท้องถิ่น รวมถึงผู้รับโปรเจกต์ก็ไม่ได้จริงจังกับงานที่รับผิดชอบอยู่ ทั้งยังถ่วงเวลาสมาชิกในวงอีก สมาชิกในวงก็ไม่ได้จริงจังกับโปรเจกต์เท่าที่ควร ทุกอย่างจึงทวีความวุ่นวายมากขึ้นไปอีก การข้ามจักรวาลของสองขั้วของแนวเพลงจะเป็นอย่างไร
ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ของการเล่าเรื่อง กับการที่ไม่ทิ้งจักรวาลไทบ้านเก่า และการเพิ่มสวนผสมใหม่ๆอย่างวงไอดอลญี่ปุ่นอีกด้วย การเล่าเรื่องแบบมีความ Musical นิดๆ กับความตลก และเคมีของนักแสดงที่เข้ากันดี ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การหามาดู สามารถรับชมได้ใน Netflix แบบถูกลิขสิทธิ์
อ้าย..คนหล่อลวง : The Con-Heartist
ถือว่าทำออกมาอย่างต่อเนื่องเลยจริงๆ สำหรับหนังตลกจากค่ายหนัง GDH กับเรื่องราวของ “อินา” ที่รับบทโดย “พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” ที่อยากเอาคืน “เพชร” ที่รับบทโดย “ธิติ มหาโยธารักษ์” ที่หลอกเอาเงินเอไปกว่าครึ่งล้าน นอกจากเสียเงินแล้วความรู้สึกดีๆที่มีให้กับเพชรก็หายไปด้วย ในตอนนี้ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าพันเป็นระวิงเลยทีเดียวจากการเป็นหนี้ เธอต้องทำงานอย่างหนัก จนกระทั่งเธอได้ล่วงรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดคือ “ทาวเวอร์” รับบทโดย “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ซึ่งในตอนแรกอินาจะแจ้งตำรวจ แต่ทาวเวอร์ได้ขอไว้แลกกับการที่ต้องคิดแผนเพื่อเอาคืนเพชรเพื่อที่เธอจะได้หลุดพ้นจากวงจรนี้สักที แต่ทว่าแผนการนั้นกลับเล่นใหญ่กว่าเดิมเนื่องจากจำนวนเงินที่ต้องการมีมากขึ้น จากหลักแสนเป็นหลักล้านนั่นเอง จึงต้องมีการให้คนมาช่วยเพิ่มอย่าง “ครูนงนุช” ที่รับบทโดย “คัทลียา แมคอินทอช” และ “โจร” ที่รับบทโดย “พงศธร จงวิลาส”
ทว่าการโกงในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวเอกอย่างอินาดันไปตกหลุมรักทาวเวอร์เข้าให้แล้ว รวมถึงการโกงก็ไม่ได้สิ้นสุดแค่ครั้งเดียวเพราะ ต่างคนต่างก็มีเหลี่ยมที่ทรยศกันเอง หักหลังกันเอง จนต้องมาวางแผนโกงกันใหม่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรสามารถติดตามและลุ้นไปกับชะตากรรมของอินาได้ใน Netflix
ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค : Tootsies & The Fake
เดินทางกันมาถึงเรื่องสุดท้ายกันแล้วกับการรีวิวหนังตลกไทย กับหนังที่ต่อยอดมาจากซีรี่ส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย นั่นคือ “ไดอารีตุ๊ดซีส์ เดอะซีรีส์” จนกลายเป็นภาพยนตร์คอมเมดี้เรียกเสียงหัวเราะอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้ได้ชมกัน กับเรื่องราวของ “กอล์ฟ” รับบทโดย “ธงชัย ทองกันทม” ที่เป็นเหตุให้ “เคที่” ที่รับบทโดย “อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ดาราชื่อดังต้องนอนป่วยอาการโคม่า ทำให้ไม่สามารถถ่ายโฆษณาที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นเหตุให้เขาต้องชดใช้ค่าเสียหายหลักหลายสิบล้าน แต่ทว่าเขาได้เจอกับ “เจ๊น้ำ” ที่หน้าตาเหมือนเคที่มาก แต่ติดที่ว่าพฤติกรรมที่ห่าม แตกต่างจากเคที่ที่เรียบร้อยเหลือเกิน จึงเกิดภารกิจที่สมาชิกที่เหลืออย่าง “กัส” ที่รับบทโดย “เผ่าเพชร เจริญสุข”, “คิม” ที่รับบทโดย “รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์” และ “แน็ตตี้” ที่รับบทโดย “ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ” ต้องร่วมด้วยช่วยกันเปลี่ยนเจ๊น้ำเป็นเคที่ให้ได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของความวายป่วงทั้งหมด
หนังเรื่องนี้ได้นักแสดงสมทบมามากมายนับสิบตัวละคร เรียกได้ว่าขนกันมาหลายอาชีพเลยทีเดียว ทั้งนักข่าว เชฟทำอาหาร นักแสดง พิธีกร มาช่วยเสริมทัพให้ดีกรีความตลกมีมากขึ้นไปอีก รับประกันได้ว่าสนุกจนลืมหายใจอย่างแน่นอน ซึ่งสามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วผ่านทาง Netflix นั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับรีวิวหนังตลกไทยที่มาให้อ่านกัน หนังตลกของประเทศไทยถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่แพ้ชาติใดในโลกเลยทีเดียว ความตลกของผู้กำกับที่รังสรรค์ความบันเทิงมาสู่สายตาผู้ดูหนังนั้นมีหลากหลายด้วยกัน ตลกดราม่า ตลกสยองขวัญ ตลกโรแมนติก เรื่องตลกในกรุงเทพ เรื่องตลกในต่างจังหวัด รสชาติที่แตกต่างนี้ ทำให้ผู้ชมสามารถเลือกได้ว่าอยากดูเรื่องแบบไหน
อย่างที่เล่าไปว่า ความตลกอยู่กับคนไทยเป็นเวลายาวนานหลายปีแล้ว และดูเหมือนคนไทยจะชอบหนังตลกเอามากๆ มันเป็นหนังสบายๆ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดเยอะ จากการเรียนหนังสือ จากหน้าที่การงาน จากเรื่องเครียดต่างๆที่มันเยอะเหลือเกิน หนังแบบนี้นี่แหละที่เป็นเหมือนยาบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ดีเลยทีเดียว
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
แสดงความคิดเห็นกันหน่อย 😎