คนไทยหลายคนเชื่อเรื่องผี คนไทยหลายคนเคยเจอผี คนไทยหลายคนกลัวผี คนไทยหลายคนไม่อยากเจอผี และคนไทยหลายคน “ชอบดูหนังผี” ขึ้นชื่อว่า “หนังผีไทย” มันได้กลายเป็นตำนานความหลอนสู่สายตาให้สติหลุด กรี๊ดแตก และสั่นประสาทกันยาวนานมาแล้วรุ่นสู่รุ่น เป็นเวลาหลายสิบปีที่หนังผีไทยสร้างชื่อเสียงไปทั่วประเทศ บางเรื่องไปต่างประเทศก็มี ด้วยความหลอนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะ “ผีไทย” มีอะไรให้เล่าเยอะมาก มันคือวัตถุดิบชั้นดีที่เหล่าบรรดาผู้กำกับเลือกสรรมาเล่าเรื่อง ซึ่งผู้เขียนได้คัดเอาหนังผีไทยที่มีความหลอนแบบต่างๆ มาให้คุณผู้ชมกันแบบจุใจกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว จะมีเรื่องอะไรบ้างไปดูกันเลย
เพื่อน..ที่ระลึก : The Promise
ประเดิมเรื่องแรกด้วยหนังผีไทยที่ใส่ความเป็นดราม่าและการเมืองนิดๆ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2540 ยุคที่ประชาชนชาวไทยทราบกันดีว่า มันเป็นยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ทำให้ครอบครัวของ “อิ๊บและบุ๋ม” จากที่เคยฐานะดีต้องล้มละลาย ครอบครัวบุ๋มต้องย้ายไปที่แฟลต ส่วนครอบครัวของอิ๊บก็เกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ทั้งสองรับความล้มเหลวในชีวิตไม่ไหวจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ทว่าอิ๊บเป็นคนเดียวที่ฆ่าตัวตาย
20 ปีต่อมาบุ๋มได้กลายเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซี่งบริษัทกำลังจะล้มละลาย เธอเลยกู้เงินเพื่อปรับปรุงตึกสาธร ซึ่งในตึกนั้นได้มี “เบล” ที่เป็นลูกสาวของบุ๋ม ไปที่ตึกนั้นด้วย ส่วนสามีได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งนั่นคือที่มาของความหลอนและชะตากรรมของบุ๋มไปตลอดกาล ทั้งอาการแปลกๆของเบล และอาการฝันร้ายของบุ๋ม ซึ่งนั่นก็เป็นคำสัญญาที่บุ๋มและอิ๊บได้ให้วัยต่อกันในวัยเด็กว่า “จะตายไปด้วยกัน”
ด้วยการชูโรงที่น่าสนใจ เป็นหนังผีที่เล่นกับความดราม่าได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ตัวละครหลักน้อยแต่มันกลับทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพัน และติดตามการแก้ปัญหาของบุ๋ม ทั้งเรื่องลูกสาวและวิญญาณที่มาทวงสัญญาว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งเรื่องนี้สามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วที่ Netflix
สาวลับใช้ : The Maid
มาต่อกันที่เรื่องที่ 2 กับหนังผีไทยแนวพีเรียดกับเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งในบ้านหลังใหญ่ มนุษย์มักจะทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดเสมอซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของการกระทำแปลกๆ ซึ่งนั่นเกิดขึ้นในบ้านของคนที่มีฐานะ โดยมี “อุมา” เป็นคุณนายหญิงประจำบ้าน ประกาศหาคนรับใช้คนใหม่ หลังจากที่ “ฝน” คนรับใช้คนเก่าได้ลาออกไป จนกระทั่ง “จอย” ที่มาทำงานซึ่งนอกจากจะต้องทำงานบ้านแล้ว จะต้องดูแล “นิด” ลูกสาวของอุมาที่ป่วยเป็นโรคทางสมองอีกด้วย ซึ่งในระหว่างที่จอยมาทำงานในบ้านหลังนี้ ซึ่งจอยก็ได้รู้จักเรื่องราวของ “พลอย” คนรับใช้คนเก่าที่มีความสัมพันธ์เกินเจ้านายลูกน้องกับ “อุมา” ยิ่งจอยได้ทำงานที่บ้านหลังนี้ พฤติกรรมแปลกๆและร่างผู้หญิงก็เข้ามาทำให้จอยตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่าง
ด้วยหนังที่เรียกว่าคุ้นชินกับแนวคนไทยเป็นอย่างดี ทั้งปมปัญหาและบรรยากาศของเรื่อง รวมถึง “ทักษะทางการแสดง” ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นจนไปสุดแทบทุกตัวละคร เรียกได้ว่าคุ้มแทบจะทุกนาทีของภาพยนตร์ รวมถึงจุดหักมุมของเรื่องที่คาดไม่ถึง ซึ่งเรื่องนี้สามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วที่ Netflix จะเป็นอย่างไร เชิญคนดูไปพิสูจน์กัน
ปริศนารูหลอน : The Whole Truth
เรื่องที่ 3 ที่จะหยิบยกมาเล่านี้ ไม่พูดไม่ได้กับบทบาทการแสดงสุดเข้มข้นของ “ปันปัน สุทัตตา” กับหนังที่ครองชาร์ตอันดับ 1 ของ Netflix เพียงเท่านี้ ก็สามารถเชื้อเชิญให้เหล่าบรรดาคอหนังสยองขวัญ อยากที่จะกดเข้ามาดูกันสักครั้งแน่นอน กับเรื่องราวของสองพี่น้อง “พิมและพัท” ที่ต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านตายายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เพราะแม่ของเธอป่วยหนัก จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่แล้วสองพี่น้องคู่นี้ต้องเจอกับรูประหลาดที่อยู่ในบ้าน
ในบ้านหลังนั้นที่ไม่ปกติ ผนวกกับความอยากรู้อยากเห็นของสองพี่น้อง ทำให้พบเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่จะตามหลอกหลอนและส่งผลสองพี่น้อง ซึ่งนั่นเป็นปริศนาของเขาและเธอต้องแก้ไปจนจบเรื่อง
เรื่องนี้ได้มีการสอดแทรกประเด็นต่างๆ ทั้งปมปัญหาวัยรุ่น ความเหลื่อมล้ำทางสังคม พฤติกรรมประหลาดของตายาย รวมถึงประเด็นทางวิทยาศาสตร์และความหลอนที่ผสมผสานกันทำให้เรื่องนั้นไม่น่าเบื่อจนเกินไป กับบทสรุปที่ชวนเอาขนลุก เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าดูเลยทีเดียว
แฝด : Alone
ก้าวเข้าสู่เรื่องที่ 4 กับหนังผีที่ดูเหมือนจะเก่าแต่กลับเก๋าในด้านการสร้างความหลอนให้กับทั้งตัวละครและคนดูไปตามๆกัน “พิม” กับ “พลอย” เป็นแฝดกันที่เกิดมาท้องติดกัน และพิมนั้นต้องกลับมาจากประเทศเกาหลีเพราะว่าแม่ประสบอุบัติเหตุจนเลือดคั่งในสมอง พร้อมกับ “วี” แฟนหนุ่มของเธอ เมื่อกลับมาก็ต้องพบกับความทรงจำของเธอกับคู่แฝดที่เสียชีวิตไปแล้ว พิมและพลอยเคยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่พิมและพลอยก็ได้ผ่าตัดแยกออกจากกัน
ในเรื่อง “พิม” อยู่กับความรู้สึกผิดและเสียใจเกี่ยวกับการตายของพลอย จนถึงขั้นต้องพบกับ “ดนัย” หมอจิตเภทที่ให้คำปรึกษาอาการป่วยของเธอ และเหมือนว่าวิญญาณของพลอยได้ตามมาอาฆาต ตามมาหลอกเธออยู่เรื่อยๆ
เนื้อเรื่องดูเหมือนจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ก็มีจุดหักมุมที่ทำเราตะลึงได้เช่นเดียวกัน ไม่ได้ดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงขนาดนั้น รวมถึงการแสดงของ “มาช่า วัฒนพานิช” ก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้สามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วที่ Netflix เช่นกัน
ลัดดาแลนด์ : (Ladda Land)
ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่หนังเรื่องนี้ยังคงขึ้นหิ้งเสมอ กับความหลอนระดับสุดขีดกับนักแสดงที่เล่นได้ถึงบทบาท ทั้งตัวละครหลัก ตัวละครรอง แลเนื้อเรื่องที่เล่าถึงแก่นและเจ็บแสบในด้านการจิกกัดสังคม เนื้อเรื่องกล่าวถึงผู้ชายกลางคนอย่าง “ธีร์” กับภรรยาและลูกอีก 2 คน ผู้ที่อยากจะได้ใช้ชีวิต 4 คนพร้อมกันพร้อมแม่ลูก มีช่วงเวลาแห่งคามสุขในแบบที่ครอบครัวปกติมีกัน จึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่ง เพื่อที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ชีวิตของครอบครัวฐานะปานกลางครอบครัวนี้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลยแม้แต่น้อย เหมือนจะโรยด้วยหนามแหลมเสียมากกว่า เขาต้องประสบพบเจอกับอุปสรรคจากหลายช่องทาง ที่เรียกได้ว่าหนักหนาสาหัสแทบจะทุกช่องทางเลยทีเดียว ทั้งวิกฤติวัยกลางคน ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน รวมถึงคนในครอบครัว ปัญหาทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงความหลอนจากละแวกบ้าน ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ธีร์จะต้องแบกรับและจัดการไปให้ได้
เรียกได้ว่าเรื่องนี้จัดหนักจัดเต็มเพื่อคอหนังผีโดยเฉพาะ สำหรับใครที่ไม่เคยดูก็ถือว่าควรค่าแก่การหามาดูสักครั้งในชีวิต สามารถพิสูจน์ความหลอนได้แล้วทาง Netflix
ความสำเร็จของเรื่องนี้ส่งผลให้มีโปรเจกต์ “มะขิ่น” เกิดขึ้น ซึ่งคือหนังสั้นที่เป็นภาคแยกจากลัดดาแลนด์ที่จะทำให้เรื่องราวสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งคือหนึ่งในโปรเจกต์ “GTH Side Stories” นั่นเอง กับเรื่องราวของ “มะขิ่น” แรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในไทย ในหมู่บ้านที่ธีร์อาศัยอยู่นั่นเอง สามารถรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วที่ Youtube ของ GTHchannel
ร่างทรง : The Medium
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อตัวเทพของวงการหนังไทยอย่าง “บรรจง ปิสัญธนะกูล” กับ ตัวเทพฝั่งเกาหลีอย่าง “นา ฮง-จิน” มาเจอกัน รับประกันได้ว่าความหลอนของเรื่องนี้อยู่ระดับสิบกะโหลกเลยทีเดียว กับความแปลกใหม่กับเรื่องราวของนักแสดง การแสดง เนื้อเรื่อง รวมถึงการนำเสนอ ที่ขอให้ผู้ชมลองชมไปจนจบเรื่อง และจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปแน่นอน
กับเรื่องราวที่ใช้การถ่ายทำแบบ “สารคดีปลอม” เมื่อคณะถ่ายทำสารคดีได้ไปบุกถึงภาคอีสานของไทยเพื่อถ่ายทำสารคดีร่างทรงของตระกูล “ย่าบาหยัน” มายาวนานหลายชั่วอายุคน ซึ่งจะเลือกแต่ร่างของผู้หญิงเป็นร่างทายาทเท่านั้น โดยมี “ป้านิ่ม” คือทายาทคนปัจจุบัน แต่เมื่อการถ่ายทำเกิดขึ้นได้มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นกับ “มิ้ง” หลานสาวคนเดียวของตระกูล และนับวันก็ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ และทวีความน่ากลัวมากขึ้นไป จนส่งผลไปยังการงานรวมถึงสุขภาพของมิ้ง จนครอบครัวพากันสงสัยว่า “สิ่งที่เข้ามาในร่าง” ของมิ้งนั้นไม่ใช่ร่างทรงของย่าบาหยัน หากเป็นสิ่งอื่น
ในเรื่องของความสำเร็จนั้นไม่มีสิ่งใดต้องครหาเพราะหนังเรื่องนี้กวาดรางวัลมาแล้วจากไทยและต่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นของหนังที่สุดทุกองค์ประกอบ และใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ทั้งการหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของร่างทรงในภาคต่างๆ การสัมภาษณ์ร่างทรง การเลือกเพลงประกอบ เลือกนักแสดงสุดเข้มข้น เรียกได้ว่าถูกอกถูกใจสายหนังสยองขวัญแน่นอน ขอท้าให้ไปโดนสักครั้งแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix
เปนชู้กับผี : The Unseeable
มาต่อกันที่เรื่องที่ 7 กับเรื่องราวสยองขวัญพีเรียด ที่พร้อมทำให้ผู้ชมทึ่งกับเรื่องราวอันเข้มข้นและหักมุมอีกด้วย กับเรื่องย่อที่ย้อนกลับไปในปี 2477 กับตัวเอกอย่างนาง “นวลจัน” สาวเมืองชลบุรีที่ออกตามหาสามีของเธอ แต่เธอนั้นก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที เธอว่าจ้างสามล้อมาที่บ้านหลังหนึ่งเพื่อหาที่พัก จนได้พบกับ “สมจิต” ซึ่งตอนแรกเธอก็ปฏิเสธให้พัก แต่ก็มี “ช้อย” คนในบ้านหลังเดียวกันช่วยพูดให้สมจิตจึงอนุญาตให้พักอาศัยได้เป็นการชั่วคราว และได้กำชับว่าอย่าได้เข้าไปบนเรือนใหญ่เด็ดขาด เพราะมี “คุณนายรัญจวน” อาศัยอยู่ที่นั่น ซึ่งท่านไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร ซึ่งก็มีข่าวลือกันว่าคุณนายรัญจวนได้ซ่อนชายคนหนึ่งไว้เพื่อคอยปรนเปรอ
ในเรื่องนั้นผู้ชมจะได้ลุ้นและติดตามไปกับพฤติกรรมแปลกๆ ลึกลับ ที่คาดเดาไม่ได้ของคนในบ้าน ทั้งคุณนายรัญจวน สมจิต รวมถึงตัวละครอื่นๆ ทั้งเด็กผู้หญิง ผู้ชายที่ทำพฤติกรรมแปลกๆตอนกลางคืนและอีกมากมาย ต่างทำอะไรที่น่าสงสัยอยู่ตลอดเวลา กับตอนจบของเรื่องนั้นที่เรียกว่าหักทุกปากการเซียนเลยก็ว่าได้
บอดี้ ศพ#19
หนังผีไทยเรื่องนี้ เป็นสยองขวัญสั่นประสาท ที่เล่นกับจิตวิทยาและปริศนาได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นหนังผีที่ขึ้นหิ้งอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ กับเรื่องของตัวเอกที่ติดอยู่กับการนอนฝันร้ายอย่าง “ชลสิทธิ์” ที่เขาฝันเห็นคนๆหนึ่งที่ชื่อว่า “ดาราราย” อยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาไม่กล้าข่มตานอนได้ ซึ่งในฝันนั้นเธอได้ขอให้ทำบางสิ่ง หาไม่แล้วเขาจะไม่หยุดฝันร้าย ต่อมาอาการนั้นก็ได้หนักขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ “เอ๋” พี่สาวของชลสิทธิ์ต้องหาทางให้เข้ารับการบำบัดกับ “หมออุษา” เพราะอาการที่หนักมากจนถึงขั้นบีบคอพี่สาวของตัวเอง
แต่ทว่าการรักษานั้นก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ชลสิทธิ์เลยพยายามสืบเสาะหาว่าที่มาของสิ่งนั้นคืออะไร จนได้นำพาไปยังไปสู่ตู้เก็บศพหมายเลข 19 กับการพยายามพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้มีอาการทางจิต ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
ต้องนับว่ามันคือความแปลกใหม่เพราะมันเป็นหนังสยองขวัญที่เล่นกับ “จิตวิทยา” ได้อย่างเหนือชั้น รวมถึงบทของหนังที่ทำออกมาได้อย่าง “ชาญฉลาด” อีกด้วย “แผลเป็น” แทบไม่มีให้เห็นเลย ซึ่งผู้เขียนอยากจะให้ทุกคนได้พิสูจน์กันแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Netflix
9-9-81 – บอกเล่า 9 ศพ
ก้าวเข้าสู่เรื่องที่ 9 ของเรื่องหนังผีที่เล่นกับเลข 9 กับ 9 มุมมองผ่านผู้กำกับ 12 คนด้วยกันผ่านเรื่องราว 9 เรื่องที่เกิดขึ้นกับคน 9 คนด้วยกัน
ซึ่งดำเนินเรื่องผ่าน “วิภาวี” หญิงสาวที่มาเช่าห้องที่อพาร์ตเม้นท์ที่วาดฝันอยากจะแต่งงานกับชายหนุ่มที่เธอรักอย่าง “ก้อง” และ “นง” เพื่อนสาวรูปร่างอ้วนที่เป็นเหมือนกามเทพสื่อรักให้ทั้งสองรู้จักกัน แต่เธอเองก็แอบอิจฉาวิภาวีด้วยเช่นกัน
โดย 9 คนนี้นั่นคือ เด็กในอพาร์ทเม้นท์, เพื่อน, ผู้เช่าคนใหม่, แฟนเก่า, แม่บ้าน, แม่ของวิภาวี, ชายข้างห้อง, พ่อของวิภาวี และ สายสืบนั่นเอง ซึ่ง 9 คนนี้ผ่าน 1 เส้นเรื่องดังกล่าว ถ้าจะให้เปรียบเทียบง่ายๆก็คือ “เหตุการณ์คู่ขนาน” ที่ใครหลายคนรู้จักนั่นเอง
นับว่าเป็นความแปลกใหม่ที่ว่าเนื้อเรื่องเพียงเรื่องเดียวสามารถจินตนาการถึงความเป็นไปได้มากขนาดนี้ เป็นอีกเรื่องที่การันตีถึงความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง
4 แพร่ง : Phobia
มาถึงเรื่องของ “สี่แพร่ง” เรื่องราวรวม 4 เรื่องสั้นของค่ายหนัง “GTH” ผ่านผู้กำกับ 4 คนด้วยกัน ซึ่งสามารถหาชมได้ผ่านทาง Netflix ซึ่งผู้เขียนจะพาไปอ่านเรื่องย่อของแต่ละเรื่องกัน
“เหงา” เป็นเรื่องราวของ “ปิ่น” ที่ได้เช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ เธอประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าเฝือก ไม่สามารถขยับไปไหนได้ จนมีข้อความปริศนาจากชายแปลกหน้านิรนาม ที่จะกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของความสยองขวัญ
“ยันต์สั่งตาย” เป็นเรื่องราวของเด็กช่างกลเกเรที่ได้แกล้งคนที่รู้สึกไม่ถูกชะตา ซึ่งนั่นคือลูกของสัปเหร่อ กลายเป็นความอาฆาตที่กลับมาทำร้ายเด็กกลุ่มนี้ ที่ใครได้เห็นยันต์นี้จะต้องตายไปในทันที
“คนกลาง” ที่เป็นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่น 4 คนที่ไปเที่ยวในป่า และได้กางเต็นท์นอนกัน ที่เขาได้เชื่อกันว่าใครก็ตามที่ได้นอนตรงกลางจะได้เห็นผี ทุกคนเลยเกี่ยงกันที่จะนอนริม แต่ทว่าเรื่องราวกลับไม่ได้จบลงแค่นี้
“เที่ยวบิน 224” เรื่องสุดท้ายนี้เป็นเรื่องราวของ “แอร์โฮสเตสสาว” ชื่อว่า “พิม” ที่ต้องหน้าที่บนเครื่องบิน โดยในวันนั้นเขาต้องรับใช้ “เจ้าหญิงโซเฟีย” ที่เสียชีวิตจนต้องมีเที่ยวบินให้พระศพกลับประเทศ
ซึ่งในเรื่อง 4 แพร่งนี้ได้ประสบความสำเร็จจนมีโปรเจกต์ “GTH Side Stories” ขึ้นมา โดยมีเรื่องราวต่อจากตอน “เหงา” ชื่อว่า “เพื่อนที่เข้าใจ” นั่นเอง
5 แพร่ง : Phobia 2
มีสี่แพร่ง ก็ต้องมีห้าแพร่งตามออกมา หลังจากความประสบความสำเร็จของ 4 แพร่ง เรื่องราวรวม 5 เรื่องสั้นของค่ายหนัง “GTH” ผ่านผู้กำกับ 5 คนด้วยกัน ซึ่งสามารถหาชมได้ผ่านทาง Netflix ซึ่งผู้เขียนจะพาไปอ่านเรื่องย่อของแต่ละเรื่องกันเช่นเคย
“หลาวชะโอน” เป็นเรื่องราวของเด็กมารยาททรามคนหนึ่งอายุ 14 ปี ที่ได้ปาก้อนหินใส่รถคันหนึ่ง จนต้องไปหวังเพียงรอดพ้นจากเงื้อมมือกฎหมาย แต่กลับมีบางสิ่งที่มาในรูปแบบ “กฎแห่งกรรม” กำลังเล่นงานเขาแทน
“ห้องเตียงรวม” เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ดวงซวยประสบอุบัติเหตุรถคว่ำจนขาหักทั้ง 2 ข้าง และได้มารักษาตัวที่โรงพยาบาล และเขาได้ไปนอนห้องผู้ป่วยรวมแทนที่จะได้ห้องพิเศษ ในห้องนั้นเขาได้เจอกับชายคนหนึ่งที่อาการสาหัสใกล้เสียชีวิตแล้ว แต่ชายคนนั้นกลับสร้างความหลอนให้กับเขาอยู่เรื่อยๆ
“Backpacker” เป็นเรื่องราวของคู่รักชาวต่างชาติที่แบกกระเป๋ามาที่เมืองไทยจากสมุยเข้ากรุงเทพ แต่ยังไม่มีรถคันไหนยอมหยุดให้ จนกระทั่งเขาได้ใช้เงินเพื่อแลกเปลี่ยนจึงมีรถจอดรับ แต่ทว่ามันก็ได้เปลี่ยนชีวิตคู่รักคู่นี้ไปตลอดกาล เพราะข้างหลังรถพาวงนั้น กลับบรรทุกบางสิ่งไว้
“รถมือสอง” กับเรื่องของผู้หญิงที่เป็นเจ้าของเต็นท์รถมือสอง กับลูกชายที่นั่งเล่นแต่เธอก็ได้หายตัวไป ซึ่งลูกชายตัวดีก็นำพาความสยองขวัญมาสู่ชีวิตเธอ รวมถึงเหตุการณ์แปลกๆในเต็นท์คันนั้นอีกด้วย
“คนกอง” เรื่องสุดท้ายที่อยู่ในจักรวาล 5 แพร่งนี้เป็นเรื่องราววุ่นๆในกองถ่าย เมื่อนักแสดงที่เล่นเป็นผี “หัวใจวายตาย” กลางกองถ่าย ทีมงานทั้ง 4 จึงต้องปิดบังเพื่อไม่ให้นักแสดงนำรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด
ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จจนมีโปรเจกต์ “GTH Side Stories” ขึ้นมา โดยมีเรื่องราวต่อจากตอน “รถมือสอง” ชื่อว่า “ก่อนจะเป็นมือสอง” นั่นเอง
เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็น ส่งตาย : The Letters of Death
เรื่องราวของเจ้าพ่อแห่งความสยองขวัญเมืองไทยอย่าง “ป๋อง กพล ทองพลับ” จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเจ้าพ่อแห่งความสยองขวัญ ลุกขึ้นมาทำหนังสยองขวัญเสียเอง กับเรื่องราวที่ใช้แก่นของตำนานสยองขวัญยุค 90 อย่าง “จดหมายลูกโซ่” ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมรุ่นที่จบกันไปนานแล้ว มารวมตัวกันอีกครั้งในงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียนประถม แทนที่บรรยากาศจะเป็นไปด้วยความสุข แต่กลับกันเรื่องราวโศกนาฏกรรมก็ได้เกิดขึ้น เมื่อ “เสรี” และ “นาตยา” พยายามหาสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ที่ “ชัยวัฒน์” เห็นเพื่อนร่วมชั้นตายไป โดยที่หลักฐานที่มีคือ “แผ่นซีดีที่มีภาพคนตาย” ซึ่งภาพคนเหล่านั้นก็คือภาพของเพื่อนร่วมรุ่นนั่นเอง เพื่อนร่วมชั้นทุกคนได้รับจดหมายลูกโซ่ทุกคน ถ้าเสรีและนาตยาไม่สามารถไขปริศนาจดหมายลูกโซ่ได้ ชีวิตของพวกเขาและเธอจะนำมาซึ่งจุดจบ
ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ กลับคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง จนกระทั่งการตายเกิดขึ้นมากเรื่อยๆ การหาคำตอบของปริศนาก็เริ่มเข้มข้นและจริงจังซึ่งต้องหาคำตอบให้ได้ ก่อนที่เวลาจะหมดลง และจะมีจำนวนคนตายมากขึ้น นี่เป็นหนังผีอีกเรื่องหนึ่งใส่ความเป็นสืบสวนและความสยองขวัญออกมาได้ดีเกินคาด
ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่เชื่อ ต้องลบหลู่ : Hashima Project
ต่อกันกับหนังผีอีกเรื่องหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ทะเยอทะยานก็ว่าได้ เพราะมีการไปถ่ายทำถึงประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว อีกทั้งยังใช้เกาะ “ฮาชิมะ” ของจริงเป็นสถานที่หลักอีกด้วย กับเรื่องราวของนักศึกษาจบใหม่ไฟแรง ที่เรียนจบสาขาภาพยนตร์ ได้ถูกโปรดิวเซอร์ทาบทามไปถ่ายทำที่นั่น พวกเขาจึงได้ออกเดินทางไปพร้อมกับล่ามหนึ่งคน
แต่ทว่านักศึกษาทั้ง 5 คนก็ได้เจอดี จากการถ่ายทำตั้งแต่วินาทีที่เข้าพักที่โรงแรมจนไปถึงเกาะร้างนั่น ที่ดูน่าสะพรึงกลัว ถึงแม้ว่าลามจะทั้งห้ามทั้งปรามแค่ไหน แต่ทว่าวัยรุ่นลองดีก็ไม่เชื่อฟัง หนำซ้ำยังคิดที่จะแต่งเสริมเริ่มราวให้บิดออกไปจากความเป็นจริง ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของความสะพรึงกลัวนี้ ซึ่งสามารถดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วผ่านทาง Netflix นั่นเอง
เด็กหอ
มากับอีกเรื่องหนึ่งของหนังสยองขวัญขึ้นหิ้งอีกเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ กับการกำกับของผู้กำกับมากความสามารถอย่าง “ทรงยศ สุขมากอนันต์” เนื้อเรื่องเริ่มต้นที่ “ชาตรี” เด็กชั้นมัธยมต้นวัย 12 ปี ที่ถูกพ่อส่งมาโรงเรียนประจำ ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องปรับตัวกับสังคมและเพื่อนใหม่ๆ แต่เขาก็คนเป็นที่ไม่มีเพื่อน เนื่องจากย้ายมาเอากลางเทอม จนเขาได้พบเจอกับ “วิเชียร” ที่เปรียบเสมือนเพื่อนคนเดียวที่เขามี แต่ทว่าวิเชียรกลับเป็นผีไม่ใช่คน
แรกเริ่มเดิมทีชาตรีรู้สึกกลัวมากแต่ด้วยความผูกพันที่มีมากกว่า ทำให้มิตรภาพก่อเกิดขึ้นในที่สุด ซึ่งนั่นทำให้ชาตรีหาสาเหตุการตายของวิเชียรและทำไมวิเชียรถึงยังไม่ไปเกิด นำไปสู่การกระทำที่สุดแสนจะคาดเดาได้ของเด็กคนหนึ่ง กับตอนจบของหนังที่จะตราตรึงใจใครหลายคนไปอีกนาน
ความสำเร็จของเด็กหอการันตีด้วยการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมาย และหนังเรื่องนี้ยังได้รางวัลมากมายประมาณ 10 รางวัลอีกด้วย ซึ่งสามารถพิสูจน์ความหลอนได้แล้วทาง Netflix แบบถูกลิขสิทธิ์
ผีเลี้ยงลูกฅน : The Ghost Doctor
มาถึงเรื่องสุดท้ายกันแล้ว กับการรีวิวหนังผีไทยที่มีนักแสดงคุณภาพ 2 คนอย่าง “พัชราภา ไชยเชื้อ” ซุปเปอร์สตาร์ดาวค้างฟ้ากับ “โฟกัส จีระกุล” นักแสดงมากความสามารถ กับเรื่องราวของ “นันทา” ที่เลี้ยงเด็ก 3 คนด้วยอาชีพขายน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋ที่ตลาด โดยที่มี “ชัย” ที่เป็นพ่อของหลานทั้งสามที่เป็นสายสืบ คอยส่งเงินที่เป็นเหมือนค่าเลี้ยงดูมาช่วย แต่ชัยก็ได้เสียชีวิตเนื่องก้านสมองฉีกและกระดูกคอจากอุบัติเหตุรถคว่ำ แต่กระนั้น “ร.ต.ต สุเมธ” ที่ทำงานกับชัยก็ดูสภาพศพเพราะการตายที่ดูผิดปกติ ซึ่งเขาก็ช่วยหาสาเหตุว่าทำไมชัยถึงมีชะตากรรมแบบนี้ จนเรื่องราวได้พัวพันไปถึง “เฮียต๋ง” ที่สร้างหนังโป๊ ขายของเถื่อนและค้ายาเสพติด ที่สืบจนรู้ว่าชัยได้เอา “ยาเสพติด” ไปซ่อน ซึ่งสันนิษฐานว่า “นันทา” ผู้ซึ่งใกล้ชิดกับชัยจะต้องรู้ที่ซ่อนแน่ๆ นั่นจึงทำให้ “หมึก” พร้อมกับลูกน้องไปสอบถามว่ายาเสพติดไปซ่อนไว้ที่ไหน แต่ทว่าหมึกกลับใช้วิธีที่ทารุณจนนันทาได้เสียชีวิตลงไป หลังจากที่พยายามหนีจากการกระทำที่โหดร้าย ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรัก และความแค้นของวิญญาณอาฆาตตนนี้
ด้วยเรื่องราวที่สนุก สยอง สืบสวน และดราม่าที่ทำได้อย่างลงตัว จึงทำให้เป็นหนังปิดท้ายที่ผู้เขียนอยากจะหยิบมาเล่าสู่กันฟัง
เป็นอย่างไรบ้าง สำหรับ “ลิสต์หนังผี” ที่เอามาให้ได้อ่านได้ชมกัน กับความหลอนรูปแบบต่างๆ และระดับความน่ากลัวที่แตกต่างกันไป บางเรื่องก็พอให้ขนลุกประปราย แต่บางเรื่องก็ทำเอาฝันร้ายไปนานหลายคืน แล้วผู้ชมล่ะ ชอบเรื่องไหนเป็นพิเศษ หรือสามารถรับความหลอนในระดับใดได้บ้าง อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังกัน และผู้เขียนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต จะมีหนังผีเจ๋งๆโดยผู้กำกับคนไทยมากความสามารถออกมาให้ชมกันไม่หยุดแน่นอน และสำหรับใครบางคนที่กลัวผีจนนอนไม่หลับ ก็ขอพูดว่า มันเป็นเพียงแค่ภาพยนตร์ มุมกล้อง การแสดงเท่านั้น ไม่ใช่ชีวิตจริงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม “หนังผีไทย” คือหนึ่งในความสำเร็จที่มีมาอย่างยาวนาน หากใครไม่เคยดู ก็ขอแนะนำให้หามาดูสักครั้ง รับรองว่าไม่ผิดหวัง
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
แสดงความคิดเห็นกันหน่อย 😎