สกินชิพ คือ การบอกรัก โดยไม่มีคำว่ารัก เพียงสัมผัสทางร่างกาย

การสัมผัส เป็นการสื่อสารแบบอวัจนภาษารูปแบบหนึ่ง เช่น เมื่อเราเห็นเพื่อนเราเสียใจ ร้องไห้ เราก็มักจะเอามือไปตบหรือลูบหลังเบา ๆ หรือเมื่อเพื่อนได้รับรางวัล มีความสุข เราก็มักจะโผเข้าไปกอดแสดงความยินดีด้วย เพียงแค่นี้เพื่อนก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยและความยินดีของเราที่มีต่อเขานั่นเอง การสัมผัสที่ว่า ในวันนี้เราจะมาพูดถึง การสัมผัสในรูปแบบของการสกินชิพ

ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คู่รัก กับการสกินชิพ การแสดงออกทางความรักอย่างหนึ่งที่เป็นการแสดงออกทางการกระทำโดยไม่ต้องใช้คำพูดบอกรักบอกเป็นห่วง แต่ สกินชิพ คือ การแสดงออกทางความรัก ที่ใช้การสัมผัสทางร่างกายเพื่อแสดงออก สื่อสาร ถึงความอบอุ่น ความสบายใจ ทำให้รู้สึกปลอดภัย และเพิ่มสัมพันธ์ที่ดีในคู่รักได้ แค่ SKIN SHIP ก็ทำให้ความรักมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้นะ

สกินชิพ คือ การสื่อรักที่ไม่มีคำว่ารัก สัมผัสให้เป็น แล้วจะอบอุ่นใจ

สกินชิพ คือ การสัมผัสร่างกาย ทำให้รู้สึกผูกพันธ์ เพราะจริง ๆ แล้ว คำว่า สกินชิพ หรือ SKIN SHIP เป็นคำศัพท์ใหม่ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น หมายถึงการสัมผัสกันระหว่างแม่กับลูก มาจากคำว่า SKIN และ RELATIONSHIP มาผสมกัน แต่เมื่อคำนี้เข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้ ก็ได้รับอิทธิพลจากประเทศเกาหลี  ทำให้ ความหมาย SKIN SHIP มีความหมายไปในเชิงโรแมนติกแบบคู่รัก หมายถึง ความผูกพันธ์จากการสื่อสารทางการสัมผัส ที่เราได้ทำเมื่ออยู่กับคนที่เรารัก 
เคยสังเกตกันไหม ไม่ว่าจะเป็นการ เอาแขนไปพาดอีกฝ่าย การเอนตัวพิงในขณะกำลังนั่งดูหนังใกล้กัน การจับมือประสานกัน การใช้เท้าเขี่ย หรือแม้แต่การหอมแก้มเบา ๆ ก็ตาม ยิ่งสนิท ยิ่งรักกันมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสัมผัสใกล้ชิดกันมากขึ้น แสดงออกกันมากขึ้นนั่นเอง การ สกินชิพ คือ การแสดงออกทางความรัก จนทำให้ใครหลาย ๆ คน เสพติดสกินชิพ กันไปเลย

เพราะมีงานวิจัย ที่ได้วิจัยมาว่า การสัมผัสทางร่างกายแบบสกินชิพ ทำให้ร่างกายของเราผลิตสารเคมีออกมา ได้แก่ โดปามีน (DOPAMINE) เซโรโทนีน (SEROTONIN) และ ออกซิโทซิน (OXYTOCIN) โดยที่ โดปามีน จะหลั่งออกมาเมื่อเราได้รับในสิ่งที่เราต้องการ ความพึงพอใจ บางครั้งก็ถูกเรียกว่า สารเคมีแห่งความรัก (CHEMICALS OF LOVE) ที่ช่วยกระตุ้นให้เราทำในสิ่งที่เราชอบ  จะทำให้เรารุ้สึกดี เป็นสารแห่งความสุข ส่วนเซโรโทนีน เป็นฮอร์โมนคนพิเศษ จะหลั่งออกมาเมื่อเรามีความรัก ความเมตตา จะทำให้เรารู้สึกปลอดภัย และอบอุ่น ทำให้เรารู้สึกเป็นคนสำคัญ ส่วน ออกซิโทนิน เป็นฮอร์โมนแห่ง สายสัมพันธ์ ทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเอง ความเชื่อใจและการมองโลกในแง่ดี ฮอร์โมนนี้จะสร้างความผูกพันธ์ระหว่างเรากับคนรัก โดยเฉพาะเวลากอด หรือสัมผัส 

และมีการวิจัยในเรื่อง การกอด ซึ่งเป็นการสกินชิพอย่างหนึ่ง สามารถทำให้ความดันเลือดลดลง ลดอัตราการเต้นหัวใจลงอีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ว่าทำไม การสกินชิพ ถึงทำให้เรารู้สึกในเชิงแง่พลังบวกมากกว่าแง่ลบนั่นเอง

แต่การสัมผัสทางร่างกาย ต้องได้รับการยินยอมทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำนะ ต้องไม่เกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นในตอนที่มีการสกินชิพ ต้องมีความสนิทกันในระดับหนึ่ง ต้องสกินชิพอย่างเหมาะสม หากสัมผัสไม่ถูกต้อง หรือสัมผัสเกินความพอดี ก็อาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกคุกคามได้เช่นกันนะ จากที่ควรจะมีความรู้สึกดี ๆ กัน อาจทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงได้เลยล่ะ เพราะบางคน หากไม่ได้สนิทกัน การที่มีการสัมผัสร่างกายกัน ก็อาจจะทำให้รู้สึกเหมือนกำลังโดนคุกตามหรือลวนลามกันได้เลย เพราะอย่าลืมว่า สกินชิพ คือ การแสดงออกทางความรัก จากคนที่รัก วันนี้เราก็เลยอยากมาแชร์ ทริค การ สกินชิพ ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ให้กับทุก ๆ คน ได้นำไปใช้กันด้วย SKIN SHIP มีอะไรบ้าง ตามไปดูกันได้เลย

1. ลูบหัว

การลูบหัว คือการแสดงออกถึงความรัก ความเป็นห่วงสามารถใช้ได้ทั้ง เวลา สุข และเศร้า การลูบหัวในตอนที่กำลังมีความสุข สื่อถึงความเอ็นดู การหมั่นเขี้ยว ความอ่อนโยนที่มีต่ออีกฝ่าย แต่ถ้าหาก ลูบหัวในตอนที่อีกฝ่ายกำลังรู้สึกแย่ เป็นการแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใย การปลอบใจ และบ่งบอกว่ายังมีเราอยู่ข้าง ๆ แค่ลูบหัว ก็ทำให้ความรู้สึกของเราดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูกกันเลย

2. ซบไหล่

หากในวันที่คู่รักของเรากำลังรู้สึกหมดแรง อ่อนล้า ท้อแท้ ลองจับหัวเขาอย่างอ่อนโยน แล้วนำมาพิงไหล่ของเราสิ บอกกับเขาผ่านการกระทำว่าเราเป็นห่วง และจะอยู่ข้าง ๆ เขาไม่จากไปไหน เหนื่อยล้าจากเรื่องอะไรมา จะมีเรานี่แหละ เป็นที่พักใจให้เสมอล่ะ

3. แปะหรือบีบมือเบา ๆ

การจับมือของอีกฝ่ายแล้วมาแปะหรือบีบเบา ๆ ด้วยความอ่อนโยน เป็นการบ่งบอกถึงการมีอยู่ของเราข้าง ๆ เขา สื่อสาร ให้กำลังใจผ่านการบีบมือ ทั้งในวันที่ทุกข์และสุข หากอีกฝ่ายกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ ก็สามารถใช้การแปะหรือบีบมือเบา ๆ ให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เป็นอีกวิธี สกินชิพ ที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจได้ด้วยนะ

4. การโอบกอดจากข้างหลัง

ต้องนึกถึงฉากรักโรแมนติกในซีรีย์เกาหลีกันเลย เมื่อพูดถึงการโอบกอดจากทางข้างหลัง เพราะเรามักจะเห็นซีนนี้กันบ่อย ๆ ระหว่าง พระเอกและนางเอก เพราะการโอบกอดจากทางข้างหลัง เป็นการสกินชิพที่สุดแสนจะโรแมนติกและน่ารักมาก ๆ การที่ฝ่ายชายโอบกอดฝ่ายหญิงจากทางข้างหลัง จะทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกตัวเล็ก เป็นผู้หญิงอ่อนโยนที่มีผู้ชายแข็งแรงอย่างคุณโอบกอดทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกปลอดภัย ไว้ใจ และสบายใจ ได้รับการปกป้อง ไม่เชื่อลองไปทำตามกันดูนะ ฟินที่สุดเลย

5. หอมแก้ม

ต้องบอกก่อนเลยนะว่าวิธีนี้ ต้องให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างเรากับคู่รัก สนิทกันในระดับหนึ่งก่อนนะ ถึงจะสกินชิพด้วยการหอมแก้มได้ หอมแก้มคนรักในวันที่เขาอยากได้กำลังใจ ก็ช่วยได้นะ เพียงแค่หอมแก้มเบา ๆ  เป็นการเติมพลังนิด ๆ หน่อยให้ใจชุ่มฉ่ำเพื่อต่อสู้กับเรื่องวุ่น ๆ ที่ต้องเจอในแต่ละวันได้

5 วิธีง่าย ๆ ของการสกินชิพที่จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของคู่รัก ผ่านไปได้อย่างอบอุ่นหัวใจ

ในวันที่มีทั้งสุขและเศร้า ไม่ต้องแสดงออกให้มากมาย ไม่ต้องมีคำพูดสวยหรู ไม่ต้องพูดมากมายให้ยืดยาว แค่สัมผัสอย่างอ่อนโยนด้วยความจริงใจก็ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำ มีความสุขมากขึ้นได้แล้ว เพราะ สกินชิพ คือ การแสดงออกของความรัก ที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน อย่าลืมนำไปลองทำกับคู่รักของคุณกันได้เลยนะ ลองดูว่าปฏิกิริยาตอบกลับจะเป็นอย่างไร แต่เรารับรองว่าความสัมพันธ์ของคุณกับคู่รักจะหวานชื่น เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน และรักใคร่กันมากขึ้นแน่นอนล่ะ และไม่เพียงแต่ทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ วันนี้เรายังมีข้อดีของการสกินชิพให้กับทุกคนด้วยล่ะ ได้ความรักแล้ว ยังได้ประโยชน์อีกมากมายเลย ข้อดี ของ SKIN SHIP มีมากมาย มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

1. ปลอบประโลมจิตใจจากความทุกข์ ความเศร้าได้

เมื่อเราเกิดความทุกข์ใจ หรือไม่สบายใจ เมื่อมีการสกินชิพ ด้วยการแตะมือเบา ๆ หรือการกอดให้กำลังใจ จะช่วยทำให้จิตใจเราเข้มแข็งขึ้น รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น ทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว  นั่นเป็นเหตุผลทำให้ การสกินชิพ คลายความทุกข์ ความเศร้าได้

2. ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น

จากผลงานวิจัย ที่ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข โดปามีน และเซโรโทนีน เมื่อเกิดการสกินชิพแบบอ่อนโยน จะช่วยเพิ่มความสุข ความสบายใจให้กับจิตใจ ทำให้จิตใจแข็งแรง มีแต่ความสุขความสบายใจ

3. เพิ่มความสนิท ใกล้ชิด กับคนรัก

การ สกินชิพ คือ การสัมผัสร่างกายด้วยความรัก จะทำให้เกิดความผูกพันธ์จากความใกล้ชิดได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มความสัมพันธ์ในคู่รักให้ดีมากขึ้นได้

4. ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

การสกินชิพ จะทำให้ร่างกายปลดปล่อย ฮอร์โมนออกซิโทซิน ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสบายตัว ช่วยทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจลดลง ร่างกายแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

5. ทำให้รู้สึกสงบและปลอดภัย

ตอนที่เรามีความเครียด แล้วได้รับการสัมผัสแบบการสกินชิพอย่างอ่อนโยน จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ความเครียดลดน้อยลง ความกระวนกระวายลดลง ทำให้จิตใจสงบมากขึ้น

สกินชิพ คือ การสัมผัสที่ดี แต่จะไม่ดีแน่ถ้าทำแบบนี้ มาเรียนรู้ข้อห้ามหากต้องการสกินชิพกัน

การ สกินชิพ คือ การแสดงออกที่ดี มอบพลังบวกให้กับพวกเรา แต่ใครจะไปรู้ว่าหากสกินชิพเกินงาม ไม่รู้ขอบเขต อาจทำให้ความสบายใจกลายเป็นความอึดอัดใจ รู้สึกเหมือนโดนคุกคามได้ เรื่องที่ไม่ควรทำสำหรับการสกินชิพ นั่นคือ การสัมผัสในจุดที่ค่อนข้างเซนซิทีฟกับอีกฝ่าย อย่างเช่น ต้นขาด้านในของฝ่ายหญิง บริเวณหน้าอก หากต้องการมอบพลัง มอบความรักให้กับเขา ควรเลือกจุดที่เป็นคอมฟอร์ทโซนของเขานะ แขน มือ ไหล่ หรือจะเป็นหัว มีหลายจุดให้เลือกสกินชิพแบบสบายใจมากมาย รวมไปถึงสถานที่ก็สำคัญมาก ๆ เช่นกัน หากเราสกินชิพด้วยการกอดแบบเหนียวแน่นท่ามกลางที่สาธารณะ หรือการหอมแก้มฟอดใหญ่ในสถานที่ราชการหรือสถานที่ที่มีผู้คนมากมาย  ก็อาจเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ  ดังนั้น เลือกสกินชิพให้ถูก และมอบความรักความจริงใจอย่างแท้จริง แล้วความรักความสัมพันธ์ของคุณกับคนรักแน่นแฟ้นและสนิทสนมใกล้ชิดกันมากขึ้นเลยทีเดียว

การสกินชิพ เป็นการแสดงออกทางความรักอย่างธรรมชาติ การสกินชิพที่ดีไม่ควรเกิดการตั้งคำถามกับอีกฝ่าย หรือการขออนุญาตอีกฝ่ายก่อนการสกินชิพ นั่นไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม หากคุณและคู่รักสนิทสนมกันในระดับหนึ่งแล้ว การที่เราจะสกินชิพเพื่อมอบความรัก หรือปลอบใจอีกฝ่ายในวันที่อ่อนแอก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องขออนุญาตนะรู้มั้ย

สุดท้ายนี้ การสกินชิพ ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าต้องทำนานแค่ไหน สัมผัสมากเท่าไหร่ ควรปล่อยมันให้เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ฝืนตัวเราและไม่ฝืนอีกฝ่าย ให้อารมณ์และสถานการณ์ในตอนนั้นนำพาความรู้สึกของเราไปเองจะดีกว่า หากอยู่ในถานการณ์ที่มีความสุข ก็ไม่ผิดหากเราจะกอดแสดงความยินดี หากเราอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังแย่ หรือเศร้า ก็ไม่ผิดหากเราจะกอดเพื่อปลอบใจ หรือการจับมือเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ

📚 อ้างอิง (Reference Sites)

📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)

เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม