วิธีมูฟออนจากปัญหาที่เผชิญ เพื่อเริ่มต้นใหม่กับเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น
มูฟออน ถือเป็นหนึ่งในคำที่สื่อความหมายในบริบททางจิตวิทยาที่ได้ยินกันบ่อยมากในช่วงไม่กี่ปีหลัง ด้วยความหมายดั้งเดิม (Move on) ที่สื่อความหมายถึงการก้าวเดินไปข้างหน้า จึงทำให้คำนี้ถูกใช้แทนความหมายว่า การก้าวข้ามเรื่องแย่ๆ การก้าวผ่านปัญหา การเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในหลายบริบทไปโดยปริยาย และนั่นก็ทำให้เป็นที่เข้าใจตรงกันด้วยว่า มูฟออน คือคำที่สื่อความหมายในทิศทางที่ดี หรือสื่อความหมายในเชิงบวก โดยที่เหมาะจะนำมาใช้เมื่อต้องเผชิญกับปัญหา หรือช่วงเวลาแย่ๆ เพื่อให้ชีวิตก้าวผ่านไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตามแม้ว่าด้วยความหมายของคำ และความรู้สึกเมื่อได้ยินคำดังกล่าวจากบริบทการสนทนาต่างๆ จะเป็นไปในทิศทางบวก แต่วิธีมูฟออนจากปัญหาต่างๆ ที่ต้องเผชิญในทางปฏิบัติจริง ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และบ่อยครั้งที่การพยายามตอบสนองต่อปัญหาต่างๆ มากเกินไป หรือใช้วิธีตอบสนองผิดวิธีอาจทำให้ผู้เผชิญปัญหาต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่าเดิมด้วย เนื้อหาในบทความนี้จึงจะมากล่าววิธีมูฟออนจากปัญหาต่างๆ อย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้เราสามารถเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่กับเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น และประสบความสำเร็จได้มากขึ้นกว่าเดิม
-
ทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุ และความผิดพลาดต่างๆ
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อต้องเผชิญกับปัญหา หรือช่วงเวลาแย่ๆ หลายคนมักอยากที่จะก้าวข้ามผ่านให้เร็วที่สุด จนกลายเป็นความเพิกเฉยต่อความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น และทำให้เราไม่ได้เรียนรู้จากปัญหาในครั้งนั้นมากเท่าที่ควร โดยวิธีมูฟออนที่ถูกต้องเมื่อต้องเผชิญกับช่วงเวลาแย่ๆ ควรเริ่มจากการทำความเข้าใจปัญหา และสาเหตุ ความผิดพลาดต่างๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหานั้นๆ ขึ้น โดยไม่หลีกหนี หรือทิ้งปัญหาให้กลายเป็นความรับผิดชอบของผู้อื่น ตัวอย่างเช่น หากเป็นปัญหาจากเรื่องงานก็ควรพิจารณาทบทวนหาสาเหตุของปัญหาอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งหากพบว่าสาเหตุของปัญหามีส่วนที่มาจากตัวเรา หรือขอบข่ายความรับผิดชอบของเราด้วย วิธีมูฟออนที่ถูกต้องก็คือการแสดงความรับผิดชอบตามความเหมาะสม ก่อนที่จะไปเริ่มโฟกัสกับงานใหม่ หรือโปรเจคใหม่ๆ วิธีนี้จะช่วยให้เราเรียนรู้จากปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ และทำให้ความเสี่ยงที่จะก่อความผิดพลาดในโปรเจคใหม่ๆ ลดลงไปด้วย
-
ไม่กล่าวโทษตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่ได้ หรือใช้เวลานานสำหรับการเริ่มต้นโฟกัสสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต ก็คือการกล่าวโทษตัวเองสำหรับปัญหาที่ผ่านมา ทั้งนี้แม้ว่าจากคำแนะนำในข้อที่ผ่านมาจะแนะนำให้ทำความเข้าใจ หาสาเหตุของปัญหา และความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจนำมาสู่การกล่าวโทษตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปัญหานั้นๆ ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นด้วย แต่โดยจุดประสงค์ของการทำความเข้าใจกับปัญหา ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับปัญหานั่นก็เพื่อให้เราได้เรียนรู้ และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นวิธีมูฟออนที่ถูกต้องจึงไม่ควรกล่าวโทษตัวเอง แม้จะทราบว่าสาเหตุของปัญหามีส่วนมาจากตัวเราเอง รวมทั้งอาจถูกผู้อื่นตำหนิมาด้วยก็ตาม โดยควรมองความผิดพลาดว่าเป็นบทเรียนที่จะทำให้ระมัดระวังมากขึ้น และทำความเข้าใจว่าความผิดพลาดคือเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และทุกสถานการณ์
-
ให้เวลาตัวเองได้พักผ่อน
เนื่องจากคำว่ามูฟออนนั้นสื่อความหมายถึงการเดินไปข้างหน้า การข้ามผ่านไปสู่สิ่งใหม่ๆ การทิ้งอะไรเดิมๆ หลายคนที่คิดจะมูฟออนจากช่วงเวลาแย่ๆ หรือจากปัญหาใดๆ จึงมักมองว่าต้องพยายามทำสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม สร้างความสำเร็จใหม่ๆ หรือพาตัวเองไปสู่วิถีชีวิตใหม่ๆ ให้ได้เร็วที่สุด ตัวอย่างเช่น เมื่อผิดหวังกับความรัก ก็ต้องมูฟออนด้วยการรีบหาคนรักใหม่ เมื่อล้มเหลวจากธุรกิจหนึ่ง ก็ควรต้องรีบดิ้นรนหาลู่ทางในการเริ่มธุรกิจใหม่ ทว่าในความป็นจริงนั่นไม่ใช่วิธีมูฟออนที่ได้ผลดี แม้ว่าโดยธรรมชาติของสภาพจิตใจคนเราจะสามารถแปรเปลี่ยนความผิดหวัง ความล้มเหลวจากเรื่องใดๆ เป็นแรงกระตุ้นสำหรับการสร้างความสำเร็จใหม่ๆ ได้ แต่การพยายามทำสิ่งใดในสภาวะจิตใจและร่างกายที่ไม่พร้อม ย่อมมีแนวโน้มที่ผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีนัก อีกทั้งแรงกระตุ้นจากความผิดหวัง ความล้มเหลวใดๆ จะส่งผลดีที่สุดก็ต่อเมื่อใช้มันในระยะยาวมากกว่าที่จะใช้เพื่อแสดงการตอบสนองต่อเหตุการณ์ใดๆ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ กล่าวคือการนึกถึงช่วงเวลาของความล้มเหลวในอดีตอยู่เป็นระยะๆ ย่อมเป็นเครื่องเตือนใจ และชี้นำทางเราไปสู่ความสำเร็จได้ดีกว่าการจดจ่อกับความล้มเหลวใดๆ เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป บรรยากาศแวดล้อม และสถานการณ์รอบตัวเปลี่ยนไปก็อาจทำให้หลงลืมความรู้สึกที่ได้รับแรงกระตุ้นจากความล้มเหลวครั้งนั้นๆ ไป วิธีมูฟออนที่ดีจึงเป็นการให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนให้มากขึ้นก่อนจะเริ่มไปโฟกัสที่ความสำเร็จใหม่ๆ เพื่อให้สภาพร่างกาย และจิตใจพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ๆ หรือทำความรู้จักคนใหม่ๆ โดยปราศจากอคติจากความล้มเหลวที่เพิ่งเผชิญมา อย่างไรก็ตามวิธีมูฟออนด้วยการให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนมากขึ้นนั้น อาจไม่จำกัดเพียงแค่การนอนหลับที่เพียงพอเท่านั้น เพราะบ่อยครั้งช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ก็อาจทำให้เราเจอกับความยากลำบากในการควบคุมการนอนให้เป็นปกติด้วยเช่นกัน การให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนจึงอาจเป็นลักษณะของการใช้เวลาทำกิจกรรรมที่ชื่นชอบ และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การดูซีรีส์ อ่านหนังสือ การเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด การปฏิเสธโอทีเพื่อใช้ช่วงเวลาหลังเลิกงานในการทานข้าวกับครอบครัว เป็นต้น
-
เปลี่ยนแปลงตัวเอง
วิธีมูฟออนจากช่วงเวลาที่ไม่โอเคที่หลายคนมักถึงนึกโดยอัตโนมัติ เรียกว่าเป็นวิธีมูฟออนวิธีแรกๆ ที่คนส่วนใหญ่เลือกทำก็คือ การเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้วความพยายามในการเปลี่ยนแปลงตัวเองมักล้มเหลว และมีแรงกระตุ้นในการลงมือทำเพียงช่วงแรกๆ หลังจากเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่น่าผิดหวังมาเท่านั้น เพราะความคาดหวังผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงตัวเองของคนส่วนใหญ่มักเกินขีดความสามารถที่เราเคยชิน กล่าวคือในชีวิตประจำวันเรามักมีความคุ้นชินต่อสิ่งต่างๆ ทั้งกิจกรรมที่เราทำ ทัศนคติที่เรามองสิ่งต่างๆ ความสามารถ หรือความถนัดที่มีติดตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเรา เมื่อเกิดความพยายามที่จะเลือกทำ เลือกคิดในสิ่งที่แตกต่างไปจากความเคยชินมากเกินไปก็จะทำให้เกิดเป็นความรู้สึกฝืนทำ และล้มเลิกไปในที่สุด ดังนั้นวิธีมูฟออนด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองจึงไม่ควรเริ่มต้นด้วยความคาดหวังในผลลัพธ์ที่มากเกินความเคยชินที่ผ่านมา แต่ควรเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ อย่างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างที่รู้สึกว่าเป็นข้อเสียของตนเอง ตัวอย่างเช่น หากเราคุ้นชินกับการนอนดึก ก็อาจปรับเวลาเข้านอนให้เร็วขึ้นสัก 30 นาที หากเราเคยชินกับการทานของหวาน ก็อาจลดปริมาณการทานของหวานในแต่ละวันลงสักเล็กน้อยแทนที่จะพยายามเลิกทานทันที หรือเริ่มทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำสัก 1-2 กิจกรรมที่มองว่าส่งผลดีต่อตัวเอง เช่น การอ่านหนังสือ ออกกำลังกาย โดยอาจเริ่มใช้เวลากับกิจกรรมเหล่านี้เพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง วิธีมูฟออนดังตัวอย่างที่กล่าวมานี้อาจจะไม่ได้ช่วยทำให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในเร็ววัน แต่ในระยะยาวถือว่าช่วยให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองสำเร็จได้จริง และเสี่ยงที่จะล้มเลิกความพยายามลงกลางคันน้อยกว่าการพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบสุดโต่ง ซึ่งมาพร้อมกับความคาดหวังที่มากเกินไป
วิธีมูฟออนจากความรักครั้งเก่า
มูฟออน ถือเป็นคำที่ถูกใช้ในบริบทของปัญหาเรื่องความรักมากที่สุด ซึ่งโดยทั่วไปย่อมสื่อความหมายถึงการลืมคนรักเก่า ลืมความสัมพันธ์เดิมๆ เพื่อมีความสุขกับปัจจุบัน หรือเพื่อมีความสุขกับความรักครั้งใหม่ อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติจริง วิธีมูฟออนจากปัญหาความรักถือว่าทำได้ไม่ง่ายเลย อาจเรียกได้ว่าการมูฟออนจากช่วงเวลาที่ยากลำบากจากปัญหาความรัก หรือความสัมพันธ์ที่เพิ่งจบลงไปเป็นการมูฟออนที่ยากที่สุดก็ว่าได้ เพราะปัญหาความรัก ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ของคนสองคนมักมีความซับซ้อน และรายละเอียดมากกว่าปัญหาด้านอื่นๆ วิธีมูฟออนจากปัญหาความรักจึงต้องอาศัยเวลา และความอดทนมากกว่าปัญหาด้านอื่นๆ โดยวิธีมูฟออนจากปัญหาความรักที่ควรนำไปปรับใช้เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาการเลิกรา หรือยุติความสัมพันธ์นั้นมีดังนี้
- ไม่กล่าวโทษอีกฝ่าย ปัญหาการเลิกรามักตามมาด้วยการกล่าวโทษกันและกัน นำข้อเสียหรือความผิดของอีกฝ่ายมากล่าวถึง ซึ่งช่วยทำให้ต่างฝ่ายรู้สึกว่าตนเองไม่ได้เป็นฝ่ายผิดในปัญหาความสัมพันธ์ครั้งนั้นๆ ทว่าในความเป็นจริงวิธีมูฟออนที่ดีจากความรักครั้งเก่าต้องเริ่มจากการเลิกกล่าวโทษอีกฝ่าย เพราะยิ่งเรากล่าวโทษ หรือพยายามจะพูดถึงข้อเสียของอีกฝ่ายมากเท่าไร ก็ทำให้เรายิ่งคิดเกี่ยวกับความรักครั้งเก่า และถูกผูกติดความรู้สึกอยู่กับรักครั้งเก่า ซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่เป็นผลดีต่อการเริ่มต้นใหม่
- ไม่นำปัญหาที่เคยเจอไปใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินเหตุการณ์ในอนาคต สาเหตุยอดฮิตที่ทำให้หลายคนไม่สามารถมูฟออนจากรักครั้งเก่าเพื่อมีความสุขกับความรักครั้งใหม่ได้ก็คือ การนำปัญหา เหตุการณ์ที่รู้สึกไม่โอเค ซึ่งเคยพบเจอกับความรักครั้งเก่าเป็นเกณฑ์ตัดสินเหตุการณ์ในอนาคต ตัวอย่างเช่น หากคนรักมีพฤติกรรมแบบนี้ พูดสิ่งนี้ หมายความว่าคนรักกำลังนอกใจ เป็นต้น ซึ่งในความเป็นจริงเหตุการณ์อาจแตกต่างออกไปจากประสบการณ์ที่เคยเจอ วิธีมูฟออนจากความรักที่ถูกต้องจึงเป็นการก้าวข้ามความหวาดระแวงจากปัญหาที่เคยเจอ ไม่ใช้ทัศนคติจากความรักครั้งเก่าเป็นเกณฑ์ตัดสินเหตุการณ์ในอนาคต และมองทุกอย่างตามความจริงอย่างเป็นเหตุเป็นผล
- มีความสุขกับด้านอื่นๆ นอกจากความรัก สาเหตุที่มักทำให้ความพยายามมูฟออนจากความรักครั้งเก่าล้มเหลวก็คือ การยึดติดกับความสุขจากความรักมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความสุขจากการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคนรัก ความสุขจากสิ่งดีๆ ที่คนรักเคยทำให้ ความรู้สึกอุ่นใจที่มีคนรักอยู่เคียงข้างในสถานการณ์ต่างๆ หรือกระทั่งความรู้สึกห่วงใยที่มีให้กันและกัน ทว่าในความเป็นจริง ความสุข หรืออารมณ์ความรู้สึกในด้านบวกของคนเราเกิดขึ้นได้ในหลายบริบท ไม่เจาะจงอยู่เพียงแค่ในบริบทของความรักเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ความสุขจากการได้ทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจ หรือชื่นชอบโดยส่วนตัว ความรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อประสบความสำเร็จในเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน เป็นต้น ดังนั้นหนึ่งในวิธีมูฟออนจากความรักครั้งเก่าที่ดีที่สุดจึงเป็นการเปลี่ยนโฟกัสให้ไปที่ความสุขด้านอื่นๆ นอกเหนือจากด้านความรัก โดยอาจจะเริ่มจากการใช้เวลาว่างทำกิจกรรมที่ชอบ ซึ่งสามารถทำคนเดียวได้ อย่างการดูหนัง ดูซีรีส์ การตั้งเป้าหมายใหม่ๆ ที่สามารถสร้างความภูมิใจในอนาคตได้หากทำสำเร็จ เช่น การเรียนภาษาที่สาม ภาษาที่สี่ เป็นต้น วิธีมูฟออนดังกล่าวนี้นอกจากจะช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนโฟกัสความสุขของตัวเองได้แล้ว ในระยะยาวยังถือว่าเป็นผลดีต่อการสร้างสมดุลที่ดีในชีวิตรัก ซึ่งช่วยให้เราไม่คาดหวังความสุขจากคนรักมากเกินไปอีกด้วย
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)
📕 อ้างอิงรูปภาพ
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
แสดงความคิดเห็นกันหน่อย 😎