เรื่องสีใครว่าไม่สำคัญ เคยเห็นไหมว่าบางคนหน้าสวยมาก แต่แต่งตัวไม่เข้ากับตัวเองก็ทำให้ดูหมองได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Personal Color ว่าคืออะไรก็เป็นสิ่งที่สาว ๆ ควรจะทราบ ยิ่งในช่วงนี้บนโซเชียลมีเดียมีการแชร์ต่อกันค่อนข้างเยอะ พร้อมกับเปรียบเทียบการแต่งตัวให้ดูไปเลยว่าใส่ชุดในสีที่เข้ากับโทนผิวของตัวเอง กับการใส่ชุดที่ไม่เข้ากับตัวเองจะแตกต่างกันขนาดไหน หลังจากที่ไปดูคอนเทนต์เหล่านั้นมาแล้วเราเลยรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Personal Color มาฝากทุกคน มีทั้งพาไปหาคำตอบว่าคืออะไร พร้อมกับหลักการจำแนกสีต่าง ๆ ให้เข้ากับแต่ละคนอีกด้วย
Personal Color คืออะไร พร้อมบอกหลักการจำแนกให้รู้สีของตัวเอง
ถ้าพูดถึงเรื่อง “สี” แต่ก่อนสาว ๆ อาจไม่ได้ให้ความสำคัญกันมากนัก เพราะมองว่าใส่สีไหนก็เหมือนกัน แต่ถ้าลองมาพูดเรื่องสีในตอนนี้ นับว่ามีหลายเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเลยทีเดียว เริ่มต้นตั้งแต่สีมงคล สีที่เหมาะกับโทนผิวของตัวเอง รวมไปถึงสีประจำวัน เพราะในปัจจุบันคนให้ความสำคัญเรื่องภาพลักษณ์มากยิ่งขึ้น พอมีโซเชียลมีเดียและพบว่าบางครั้งดูดีขึ้นได้ด้วยการเลือกสีที่เป็น Personal Color ของตัวเอง ดังนั้นจึงรู้ว่าเรื่องนี้คือประเด็นที่ต้องให้ความสนใจ หากใครที่ยังเข้าไปเช็ก Personal Color ของตัวเองมาก่อนคุณสามารถทดสอบบนโลกออนไลน์กันก่อนได้ เพื่อให้รู้ไปเลยว่าสีไหนที่เหมาะกับตัวเองบ้าง
ก่อนอื่นเราขออธิบานเกี่ยวกับ Personal Color ให้คุณได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น เพราะบางคนคิดว่าเป็นศาสตร์แห่งสีที่เพิ่งจะได้รับความนิยมในช่วงนี้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วหลักการ Personal Color ได้รับความนิยมมาก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ในช่วงยุค 1980 เลยทีเดียว เพราะมีคนที่นำสีมาวิเคราะห์และจำแนกตามบุคคล พร้อมกับนำเรื่องนี้เข้าสู่วงการแฟชั่นอีกด้วย
โดยช่วยปรับลุคของแอร์โฮสเตลจาก personal color ตั้งแต่เรื่องของสีผม รวมไปจนถึงเรื่องสีของเครื่องแต่งกาย พออธิบายแบบนี้เชื่อว่าคุณคงเห็นประโยชน์ของการแต่งตัวตาม Personal Color กันมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน โดยเราจะพาไปดูหลักการจำแนก Personal Color ของตัวเองกันว่าทำได้อย่างไรบ้าง
- Undertone (Hue or Temperature)
สิ่งแรกที่จะช่วยแยก Personal Color คือ โทนสีผิวของเราเอง หรือที่เรียกว่า Undertone มีการกล่าวถึงทฤษฎีสีเอาไว้ว่า การสังเกต Undertone ของตัวเองจะช่วยให้เลือกแต่งตัวตามโทนสีที่เหมาะสมได้ โดยผิวหนังของมนุษย์จะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 โทน คือ โทนเหลือง, โทนชมพู และโทนกลาง ซึ่งจะมีการจัดหมวดหมู่ของ Personal Color จากโทนสีผิวของคน เพื่อที่จะดูว่าโทนสีที่เราสามารถแต่งตัวให้เข้ากันได้เป็นโทนร้อน หรือว่าโทนเย็น ถ้ามีสีโทนร้อนจะเหมาะกับการแต่งตัวแบบสีของฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ แต่ถ้าเป็นโทนเย็นจะเหมาะกับการแต่งตัวตามโทนสีฤดูร้อนกับฤดูหนาว
หากใครที่แยกไม่ออกว่าตัวเองมี Undertone แบบไหนมีทริคง่าย ๆ คือ สังเกตจากเส้นเลือดใต้ผิวหนัง ถ้าเป็นสีเขียวแปลว่ามีผิวโทนเหลือง ถ้าเป็นสีน้ำเงินแบบว่ามีผิวโทนชมพู และถ้ามีสีเขียวกับสีน้ำเงินแปลว่ามีสีผิวโทนกลาง จะเห็นได้เลยว่าการจำแนก Undertone ที่หลายคนเคยคิดว่าดูค่อนข้างยาก เพราะบางครั้งเราก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นสีสว่าง แต่ถ้าดูจากเส้นเลือดก็จะเห็นได้ชัดมากกว่าการดูแค่สีผิว
- Chroma
นอกจากเรื่องของ Undertone แล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เราสามารถจำแนก Personal Color ได้ก็คือ Chroma หรือที่เรียกว่าความอิ่มตัวของสี เพราะว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เราเข้าใจคาแรกเตอร์ของสีมากยิ่งขึ้น สำหรับบางคนอาจเข้าได้กับสีแดง แต่ก็ต้องเป็นแดงสว่างเท่านั้น ไม่ใช่แดงเข้ม เรื่องของความอิ่มตัวของสีจึงช่วยให้เราสามารถเลือกสไตล์ที่เข้ากับตัวเองได้มากกว่าเดิม ถ้าหากเป็นคนที่มีสไตล์เป็นสาวหวานสีที่เหมาะก็คือ สีโทนอ่อน แต่ถ้าเป็นสาวเท่ สาวที่มีความมั่นใจในตัวเองสีที่จะบ่งบอกคาแรคเตอร์ได้ดีที่สุดคือสีโทนเข้ม จะเห็นได้เลยว่าสีผิวไม่ว่าจะเป็น warm tone หรือโทนอื่น ๆ เวลาแต่งตัวก็ต้องมาเลือกความเข้มของสีด้วย
- Value and Contrast
ทฤษฎีสุดท้ายที่คุณควรให้ความสำคัญคือเรื่องของ Value กับ Contrast เพราะสองสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดความสว่างและความมืด เพื่อที่จะทำให้เข้ากับคาแรคเตอร์ของคุณมากกว่าเดิม โดยเรื่องของ Contrast หรือการตัดกันของสีจะทำให้คุณวิเคราะห์ถึงการแต่งหน้า สีผม สีตา รวมถึงเส้นคิ้วได้อย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อการวิเคราะห์ personal color ทั้งนั้น ซึ่งในไทยก็ค่อนข้างให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากกว่าเดิม เพื่อให้คุณจำแนกได้ว่าจริง ๆ แล้วคุณเป็นสาวฤดูกาลไหนกันแน่
จากเรื่องราวเกี่ยวกับ Personal Color ที่เราได้รวบรวมมาฝาก เชื่อว่าสาว ๆ คงพอเข้าใจวิธีการจำแนกแล้วอย่างแน่นอน แต่ถ้ายังไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็น Personal Color แบบไหนลองสังเกตตามที่เราแนะนำกันได้ เช่น สังเกตเส้นเลือดตรงข้อมือ สังเกตสีผิวหลังจากโดนแดง ถ้าเป็นผิวโทนอุ่นเมื่อโดนแดดแล้วจะมีความคล้ำ แต่ถ้าเป็นสีผิวโทนเย็นถ้าโดนแดดแล้วผิวจะแดง นอกจากนี้ยังเทียบกับการใส่เครื่องประดับได้ด้วย ถ้าเป็นสีผิวโทนอุ่นจะใส่เครื่องประดับสีทองแล้วเข้า แต่ถ้าเป็นสีโทนเย็นจะเข้ากับเครื่องประดับสีเงินมากกว่า
เช็ก Personal Color ไขข้อสงสัยว่าเราเป็นสาวฤดูไหนกันแน่?
นอกจากที่รู้แล้วว่า Personal Color คืออะไร อีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือ การแบ่งโทนสีตามฤดูกาลต่าง ๆ โดยสามารถตรวจสอบได้ว่าเราเป็นฤดูกาลแบบไหนจากความชอบของตัวเอง ซึ่งแต่ละฤดูกาลจะมีโทนสีที่แตกต่างกันออกไป โดยจะมีการแบ่งฤดูกาลออกเป็นทั้งหมด 4 แบบ คือ ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn), ฤดูร้อน (Summer), ฤดูใบไม้ผลิ (Spring), ฤดูหนาว (Winter)
ซึ่งหลักการแรกที่จะสามารถแบ่งได้ว่าเราเป็นสาวฤดูกาลไหนก็คือ โทนสีผิว หากเป็นผิวโทนเหลืองจะเป็นสาวฤดูใบไม้ร่วง กับสาวฤดูใบไม้ผลิต ส่วนผู้ที่มีผิวโทนฟ้า น้ำเงินม่วงจะเป็นสาวฤดูร้อนและสาวฤดูหนาว หลังจากที่เรารู้วิธีการแบ่งฤดูกาลแล้ว เราจะพาไปดูกันว่าสาว ๆ แต่ละฤดูจะมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ซึ่งมีดังนี้
- สาวฤดูใบไม้ผลิ (Spring)
สำหรับสาว ๆ ที่อยู่ในฤดูใบไม้ผลิ บุคลิกภาพที่โดดเด่นที่สุดคือความสดใสร่าเริง ส่วนใหญ่สาวที่อยู่ในโทนนี้จะเป็นคนที่สดใสและน่ารักกับผู้อื่นอยู่สม่ำเสมอ โทนสีที่แนะนำสำหรับสาวฤดูใบไม้ผลิตคือ สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีพีชพาสเทล สีพีชชมพูอ่อน เพราะเป็นโทนสีที่ทำให้ใบหน้าดูสว่างสดใส ไม่ทำให้คุณรู้สึกว่าหน้าหมองอย่างแน่นอน ส่วนสีที่ควรหลีกเลี่ยงคือสีโทนเข้มไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน สีชมพูกะปิ สีม่วงเข้ม หากต้องการทำสีผมเราแนะนำเลยว่าสีน้ำตาลโทนส้มที่เป็นเฉดสว่าง ๆ จะเหมาะกับคุณอย่างแน่นอน
- สาวฤดูร้อน (Summer)
ที่เราจะแนะนำถัดมาคือ สาวฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูที่เราเดาทางกันได้ค่อนข้างง่าย เพราะถ้าพูดถึงฤดูร้อนความน่ารักสดใสจะเป็นภาพจำของหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน สำหรับสาวที่อยู่ในประเภทซัมเมอร์เหมาะกับการแต่งตัวในสีโทนร้อน หรือโทนพาสเทลเป็นหลัก ไม่ว่าจะม่วงอ่อน ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน เทาอ่อนก็เข้าทั้งหมด ที่สำคัญเปรียบดังลูกรักพระเจ้าเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะแต่งหน้าโทนไหนก็รอดหมดทุกโทน สีผมที่เหมาะคือสีหม่นไปจนถึงสีเข้ม แต่ไม่ใช่สีดำสนิท ส่วนสีที่ควรหลีกเลี่ยงคือ สีน้ำตาล สีกลม สีม่วง สีแสด เพราะจะทำให้สีผิวดูหม่นหมองได้
- สาวฤดูใบไม้ร่วง (Autumn)
บุคลิกภาพของสาวฤดูใบไม้ร่วงคือ ความเป็นคนสุขุมมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูง โดนอันเดอร์โทนจะเป็นสีโทนร้อน เมคอัพที่เหมาะต้องเป็นโทนส้มหรือน้ำตาล แต่ถ้าอยากเพิ่มเอกลักษณ์ให้กับตัวเองก็สามารถเสริมกลิตเตอร์กับชิมเมอร์เข้าไปได้ เพราะจะช่วยทำให้ใบหน้าดูเปล่งประกายได้มากขึ้น อีกหนึ่งเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยคือการเลือกสีผม หากอยากได้ลุคที่ดูเข้ากับตัวเองสีน้ำตาลเข้มจะเหมาะกับสาว ๆ ฤดูใบไม้ร่วงเป็นอย่างมาก
- สาวฤดูหนาว (Winter)
ลำดับสุดท้ายคือ สาวฤดูหนาว ซึ่งถ้าหากพูดถึงฤดูหนาวสิ่งที่หลายคนจะนึกถึงคือ สีขาวอย่างแน่นอน บุคลิกภาพของสาวฤดูหนาวจะเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง ทันสมัย ชิค ๆ ไม่ซ้ำใคร สีที่เหมาะคือสีที่ดูแตกต่างจากปกติ เช่น สีแดง สีน้ำเงินอมม่วง สีแดงเบอร์กันดี สีม่วงอมแดง ส่วนเมคอัพของสาวฤดูกาลนี้ควรจะเป็นโทนชมพูหรือโทนม่วง เพราะจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้รู้สึกว่าเป็นสาวที่หาค้นหามากยิ่งขึ้น
เชื่อว่าหลังจากที่เราพาไปดูเกี่ยวกับ Personal Color ว่าคืออะไรมาแล้ว ทุกคนคงจะได้ความรู้เพิ่มเติมกันอย่าแน่นอน ไม่ว่าจะเช็ก Personal Color ของตัวเอง หรือลองใช้ทริคในการจับการแต่งตัวให้เหมาะ เลือกสีผมให้เข้ากับโทนสีของตัวเอง หรือสไตล์การแต่งหน้า บางคนมีรูปลักษณ์และใบหน้าที่ดูสวยงาม แต่ก็ไม่ผิดพลาดเรื่องการเลือกสีมาเยอะ ดังนั้นการทำความเข้าใจว่า Personal Color คืออะไรเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้แต่งตัวได้เข้ากับตัวเองมากขึ้น แถมยังเรียกความมั่นใจได้อีกด้วย แค่เพียงเลือกสีดีก็จะมีภาพลักษณ์ที่ดูดีมากกว่าเดิมแล้ว
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)
- https://www.cosmenet.in.th/cosme-howto/46797
- https://www.lips-mag.com/lips/lips-beauty/know-your-personal-color-ทำไมการเลือกเฉดเฉ/
- https://www.wongnai.com/articles/personal-color
📕 อ้างอิงรูปภาพ
- https://www.authenticcolours.de/wp-content/uploads/farbpaletten.jpg
- https://www.idskinexpert.com/wp-content/uploads/2018/04/วิธีเช็กโทนสีผิว2.jpg
- https://www.lips-mag.com/wp-content/uploads/2022/03/60b901684522377f66490fd7_Four-Seasons-Colour-Analysis-Examples-2.png
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม