ตามหลักความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธนั้น การคิดดีทำดีและการพูดดีเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นในชีวิตได้ เพราะฉะนั้นการเรียนรู้คำสอนพระและธรรมะหลากหลายตามหลักคำสอน จึงเป็นเสมือนสิ่งที่จะเข้ามาช่วยขัดเกลาให้เราทุกคนมีความคิดที่ดีจากภายใน และส่งผลเป็นการกระทำที่ดีได้ไม่ว่าจะกับตนเองหรือกับบุคคลรอบข้าง ไม่เพียงเท่านั้นคำสอนพระยังเป็นเสมือนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่ช่วยสร้างพลังงานดี ๆ ให้กับผู้ปฏิบัติได้อีกด้วยนั่นเอง ดังนั้นใครที่กำลังมองหาวิธีที่จะช่วยให้ตนเองสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นสุข และต้องการหากำลังใจดี ๆ ในการใช้ชีวิตต้องห้ามพลาดเรื่องราวในบทความนี้เลยนั่นเอง

คำสอนพระช่วยกล่อมเกลาจิตใจได้อย่างไร

วิธีการที่จะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้แบบมีเป้าหมาย และมีแนวทางที่จะไม่ทำให้เราเดินหลงผิดก็มีอยู่มากมายหลากหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการอ่านและทำความเข้าใจกับสัจจะธรรมของคำสอนพระ จากพระอาจารย์และผู้ที่ทำการศึกษาธรรมะมาอย่างถ่องแท้ เพราะสิ่งนั้นจะช่วยให้เราสามารถเข้าใจหลักธรรมคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นคนในสมัยนี้ก็จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือการนิยมฟังหรืออ่านสิ่งที่เรียกว่า ‘ไลฟ์โค้ช’ เพื่อช่วยให้เราทุกคนสามารถเข้าใจชีวิตและเก็บเอาข้อคิดต่าง ๆ ไปปรับใช้กับตัวเองได้ดีมากขึ้น 

ซึ่งผู้ที่ออกมาทำหน้าที่ไลฟ์โค้ชส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ที่ออกมาเล่าประสบการณ์ ข้อคิด หรือบอกเล่าคำแนะนำในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านความรัก ด้านการเงินการลงทุน ด้านการทำงาน ด้านการเรียน และอีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าหากเราพิจารณาให้ดี การศึกษาคำสอนพระและธรรมะก็ดูจะไม่ได้แตกต่างกันไปสักเท่าไหร่ โดยข้อดีของการศึกษาธรรมะและคำสอนของพระก็มีอยู่หลายประการ เช่น

• เป็นคนที่มีความคิดเชิงบวกมากขึ้น
• ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประสาท
• เป็นคนที่มีศีลธรรมมากขึ้น
• ละเว้นจากการทำชั่วทุกประการ
• มีกำลังใจในการใช้ชีวิต
• เห็นคุณค่าของการทำความดี
• เป็นผู้มีจิตใจของความเผื่อแผ่เมตตา
• เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับการให้และรักผู้อื่น

แนะนำธรรมะเตือนสติการใช้ชีวิตจากพระเกจิที่ผู้คนนับถือ

คำสอนพระที่เป็นเสมือนแสงสว่างของการใช้ชีวิตนั้นสามารถหามาศึกษาได้จากหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นช่วงงานบุญที่มักจะมีพระสงฆ์มาเทศนาคำสอนต่าง ๆ หรือจะเป็นตามแหล่งการเรียนรู้ออนไลน์ซึ่งทำให้คนในสมัยนี้สามารถเข้าถึงคำสอนพระและหลักธรรมะสอนใจต่าง ๆ ได้ง่ายและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยคำสอนที่เราได้รวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่านกันในบทความนี้ เป็นคำสอนจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของลูกศิษย์ลูกหามากมาย หากใครที่อ่านบทความนี้แล้วสามารถนำเอาคำสอนพระเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ เชื่อเถอะว่าทุกคนก็จะได้รับประโยชน์และความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตไม่มากก็น้อยแน่นอน

คำสอนพระจากหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

หลายคนน่าจะรู้จักกันดีกับพระสงฆ์ผู้เป็นต้นแบบของพุทธศาสนิกชน และผู้ปฏิบัติตามหลักศาสนาทั้งหลาย เนื่องจากหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุหรือพระพรหมมังคลาจารย์เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญมากในด้านของการปฏิรูปแนวทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ไทย จนทำให้ท่านเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ รวมไปถึงผู้ที่นับถือศาสนาพุทธจากทั่วโลกอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นท่านยังเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับการเผยแพร่คำสอนต่าง ๆ โดยเคยเดินทางไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ เช่น ประเทศพม่า รวมถึงประเทศในยุโรปอีกด้วย

“ชั่วดีอยู่ที่การกระทำ 

ดีชั่วไม่ได้อยู่ที่ดวง ที่เวลา 

การกระทำของเราที่ทำลงไปนั่นแหละ ทำให้เวลาดีชั่ว”

“ทำดีได้ความดี ทำชั่วได้ความชั่ว

ทำเหตุให้เกิดทุกข์ ก็ได้ความทุกข์

ทำเหตุให้เกิดสุข ก็ได้ความสุข

ทำเหตุให้เกิดความเสื่อม เราก็ได้ความเสื่อม

ทำเหตุให้เกิดความเจริญ เราก็ได้ความเจริญ

เราหนีจากผลที่เราทำไว้ไม่ได้”

“ยิ่งให้ ยิ่งได้ อันนี้เป็นหลักการที่เราควรจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน

ให้นึกทุกวันว่าวันนี้เราจะทำประโยชน์อะไรแก่ใครได้บ้างแล้วก็ทำ”

คำสอนพระจากหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ

มาต่อกันที่อีกหนึ่งเจ้าของคำสอนพระที่เป็นแนวทางให้กับผู้นับถือได้ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานอีกท่านหนึ่ง นั่นก็คือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีลูกศิษย์ลูกหาหนาแน่นมาก เพราะท่านเป็นพระนักปฏิบัติที่เป็นต้นแบบ และยังมีคำสอนให้กับเหล่าลูกศิษย์ได้นำมาใช้นำทางชีวิตมากมาย โดยหลวงพ่อคูณหรือพระเทพวิทยาคมเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่มีบทบาทสำคัญมากกับพุทธศาสนาและคุณประโยชน์กับคนในสังคมไทย เนื่องจากท่านได้เป็นผู้ริเริ่มและดำเนินการสร้างวิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เพื่อเป็นสถานศึกษา จะเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถความรู้และมีมีวิชาชีพเพื่อในการหาเลี้ยงชีพได้ ไม่เพียงเท่านั้นท่านก็ยังได้ดำเนินการสร้างโรงเรียนมัธยมหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธอีกด้วย

“การขับรถอย่างระมัดระวังไม่ประมาทสำคัญกว่าการเจิม

อย่างโบราณท่านว่าวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือก็ชนกันตายการขับรถจะต้องดูทาง

ถ้ามันคดโค้งจะต้องระมัดระวัง”

“การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่ายแต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยากต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง”

“คาถาเมตตา มหานิยม ไม่ต้องไปดูหมอ ไม่ต้องไปสะเดาะเคราะห์

ขอให้พวกมึงทำให้ได้อย่างนี้ อ่อนน้อม ถ่อมตน อาสาคนเป็น ไปลา มาไหว้ รู้จักขอโทษ รู้จักขอบคุณ”

“ลาภ ยศ สรรเสริญ ตำแหน่ง ความร่ำรวย เป็นของสมมติ

เมื่อตายไปแล้ว กูไม่เห็นมีใครเอาไปได้ มาคนเดียวไปคนเดียว มาตัวเปล่า ไปตัวเปล่า”

“เกิดมาเป็นคนแล้ว มึงอยากได้อะไรมึงทำเอา 

ขอให้ลูกหลานทุกคน ทำดีให้ถึงดี

การพูดจาดี แตกต่างจากการลงมือปฏิบัติ 

การทำดี ทำยาก ด้วยความเพียรพยายามและความอดทน 

แต่ทำแล้วต้องได้ผลดี”

คำสอนพระจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

อีกหนึ่งพระสงฆ์นักปฏิบัติที่มีคำสอนพระมากมายให้เหล่าพุทธศาสนิกชนได้น้อมนำคำสอนเหล่านั้นมาใช้ในชีวิต ก็คือสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกท่านมีนามว่าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร มีพระนามเดิมว่า เจริญ คชวัตร ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากข้าราชการของวังหลวงแต่ดั้งเดิม ซึ่งคุณงามความดีในทางพระพุทธ์ศาสนาของพระองค์ก็มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ในการสั่งสอนพระปริยัติธรรมให้กับพระสงฆ์มากมายแล้ว ท่านก็ยังปฏิบัติหน้าที่เพื่อพัฒนาวงการสงฆ์ และเผยแพร่หลักธรรมคำสอนอีกมากมายให้กับประชาชนทั่วไปด้วย

“พุทธศาสนาสอนให้เข้าใจเรื่องกรรม ไม่ใช่ให้คนกลัวกรรม หรืออยู่ใต้อำนาจกรรม

แต่เพื่อให้ควบคุมกรรมในปัจจุบันของตน

คนที่มีอำนาจเหนือกรรม คือคนที่ควบคุมจิตเจตนาของตนได้และตั้งมั่นแน่วแน่อยู่ในธรรม”

“ผู้ที่ถือเอาในทางทุจริต ถึงจะร่ำรวยก็เหมือนปลวกอ้วน เพราะกัดเสากัดฝาเรือน

ปลวกกัดเรือนยิ่งมากยิ่งอ้วนเท่าไร เรือนก็ใกล้พังเข้าไปเท่านั้น จนอาจพังครืนลง

ฉะนั้นไม่ควรทำตัวเป็นปลวกอ้วน”

“คนโดยมากพากันประมาทเหมือนอย่างว่าไม่แก่ไม่ตาย น่าจะนึกถึงความแก่ความตายกันบ้าง

เพื่อจะได้ลดความมัวเมาและทำความดี”

“การชนะนั้น ท่านมุ่งให้เอาชนะตนเอง คือชนะจิตใจที่ใฝ่ชั่วของตน

เพื่อที่จะรักษาและเพิ่มพูนความดีของตนให้ดียิ่งๆขึ้น”

“วิธีชนะโดยไม่เบียดเบียนใคร เป็นความดีชั้นตรี

การชนะที่เกื้อกูลเขาด้วย เป็นความดีชั้นโท การชนะความชั่วของตัวเอง เป็นความดีชั้นเอก”

“ผู้ที่ตายด้วยโรคภัยทางกาย ดีกว่าผู้ที่ตายแล้วในทางชื่อเสียงและคุณงามความดีโดยโรคภัยทางใจ คือกิเลส”

คำสอนพระจากหลวงปู่แหวน สุจิณโณ

คำสอนพระจากพระเกจิอาการย์ชื่อดังผู้ซึ่งได้รับความเคารพนับถือจากลูกศิษย์ลูกหามากมาย อย่างหลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นคำสอนและธรรมะเตือนสติการใช้ชีวิตที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติมีแนวทางในการใช้ชีวิตอยู่บนสัจธรรม และดำรงตนอยู่ในความดีงามเป็นที่สุด โดยหลวงปู่แหวน สุจิณโณจำพรรษาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งพระนักปฏิบัติผู้เลื่องชื่อ โดยท่านได้ออกเดินทางเพื่อศึกษาคำสอนทางด้านธรรมะ หลักการปฏิบัติ และแสวงบุญไปทั่วทุกพื้นที่มาตลอดอย่างยาวนาน

“บุคคลที่ทนในสิ่งที่บุคคลที่ทนในสิ่งที่ทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยาก

บุคคลนั้น จะเข้าถึงความสำเร็จของชีวิต

ความอดทน ความขมขื่นจะเกิดขึ้นในเบื้องต้น

ของการทำความดี แต่จะได้รับความชื่นชมในบั้นปลาย”

“บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัว มักไม่เห็นคุณพระศาสนามัวเมาประมาท

ปล่อยกายปล่อยใจให้ประพฤติทุจริตผิดศีลธรรมอยู่เป็นประจำนิสัย 

เห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว 

ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มีนั่นแหละ 

จึงได้คิดถึงพระ คิดถึงศาสนา แต่ก็เป็นเวลาที่สายไปแล้ว”

“คนที่มีสัจจะมักทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จเพราะสัจจะเป็นบารมีอย่างหนึ่ง ส่งผลให้กำลังใจเข้มแข็งมากขึ้น”

“บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตน มีผลดก ก็ต้องหมั่น บำรุงรักษาเอา 

ไม่ใช่แก่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูก ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง”

คำสอนพระจากหลวงปู่ทวด (สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์)

เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักพระอาจารย์ชื่อดังอย่าง ‘หลวงปู่ทวด’ ผู้ซึ่งมีตำนานเล่าขานและเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ท่านเป็นพระนักปฏิบัติตลอดจนเป็นพระสงฆ์รูปสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีการเผยแพร่คำสอนพระมากมายให้เหล่าลูกศิษย์ได้นำไปใช้และยึดถือเป็นหลักนำทางการใช้ชีวิต จนเป็นสาเหตุที่ในปัจจุบันนี้ก็ยังคงมีคนจำนวนมากเดินทางไปกราบไหว้ขอพรกับรูปเคารพของท่าน แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปแล้วตั้งแต่ปี 2225 ก็ตาม

“พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย

ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์”

“การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง

จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ 

จะเห็นได้ว่าตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ

จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ 

เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ

เมื่อเราจะออกจากบ้าน ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ 

ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ 

นี่คือความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย”

“การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น

เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม 

เราต้องเป็นตัวของเราเอง

และเราจะต้องวินิจฉัยในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเรา

ว่าสิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ”