ในสมัยนี้โทรศัพท์มือถือได้กลายมาเป็นสิ่งที่มากกว่าเครื่องมือวึ่งใช้เพื่อการสื่อสารระหว่างกัน แต่มันเปรียบเสมือนสังคมขนาดใหญ่, เป็นพื้นที่ของการทำงานแบบไร้พรมแดน, เป็นเหมือนสมุดที่จดบันทึกเรื่องราวและไอเดียใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานมากมาย, เป็นช่องทางสร้างรายได้, นอกจากนั้นมันก็ยังเป็นคลังสมบัติที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของเราทุกคนเอาไว้แบบนับไม่ถ้วนอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าวันใดวันหนึ่งสิ่งที่สำคัญชิ้นนี้ของเราทุกคนหายไปโดยไม่อาจจะตามมันกลับมาได้ ก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายของใครหลาย ๆ คนเป็นแน่ เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาช่วยเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับใครที่อาจจะกำลังเจอกับปัญหาดังกล่าวอยู่ ด้วยการแนะนำวิธีจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งสามารถทำได้เลยง่าย ๆ ทั้งโทรศัพท์ในระบบปฏิบัติการแบบ IOS และ Android
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือโทรศัพท์หายต้องทำอย่างไร
แน่นอนว่าคนเราก็คงไม่อาจจะรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าเหตุการณฉุกเฉินที่ทำให้ต้องรู้สึกตระหนกตกใจ สูญเสียทรัพย์สิน หรือเมื่อโทรศัพท์ของเราหายนั้นมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และเกิดขึ้นตอนไหน เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่หลายคนเมื่อต้องเผชิญเข้ากับสถานการณ์ดังกล่าว จะพานให้เกิดความวิตกกังวลและทำอะไรไม่ถูก ดีไม่ดีอาจจะกลายเป็นจิตตกและทำร้ายตัวเองขึ้นมาเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะไปตามหาวิธีจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหน เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีการการปฏิบัติตัวแบบง่าย ๆ เมื่อต้องรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวกันก่อน
ขั้นตอนแรกเมื่อเรารู้ตัวแล้วว่าโทรศัพท์ได้หายไปจากตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะลืมทิ้งเอาไว้หรือหายไปด้วยการกระทำของบุคคลใดก็ตาม ขอให้ทุกคนทำการตั้งสติเอาไว้ก่อนและพยายามมองหาบริเวณรอบข้างว่ามีใครที่น่าสงสัย หรือมีโทรศัพท์ของเราตกอยู่หรือไม่ รวไปถึงอาจจะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ในสถานที่นั้น ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือก็ได้ หากพิจารณาดูแล้วว่าโทรศัพท์ไม่ได้ตกอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ก็ให้เรารีบทำการติดต่อเพื่อนหรือคนใกล้ตัวเพื่อขอยืมโทรศัพท์มือถือ และดำเนินการจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหนด้วยวิธีการที่เราจะแนะนำให้ในหัวข้อถัดไปโดยเร็วที่สุด
แจกวิธีจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหน ทำตามได้ง่าย ๆ
เทคนิครวมไปถึงวิธีการสำหรับใช้ตามหาโทรศัพท์ที่เราได้นำเอามาแบ่งปันในบทความนี้ มีทั้งวิธีการที่หลายคนอาจจะรู้กันอยู่แล้ว และก็มีทั้งวิธีการจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหนซึ่งหลายคนก็อาจจะนึกไม่ถึงมาก่อนว่ามันสามารถทำได้ ดังนั้นเราจึงหวังว่าบทความของเราจะเป็นประโยชน์ ทั้งยังสามารถเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำหรับใครที่กำลังเดือดร้อน รวมถึงสามารถแก้ปัญหาให้กับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาที่เรียกได้ว่าเป็นการสูญเสียที่ค่อนข้างใหญ่นี้ และตามหาโทรศัพท์เครื่องสำคัญได้จนเจอ แต่ถึงจะไม่เจอก็หวังเพียงว่ามันจะสามารถตามหาต้นตอหรือสาเหตุการหายไปของโทรศัพท์ได้ก็ยังดีนั่นเอง
Find My iPhone (IOS)
เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชันที่ตอบโจทย์และช่วยแก้ไขปัญหาโทรศัพท์หายสำหรับชาว iPhone ได้เป็นอย่างดี เพราะวิธีการจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหนวิธีการแรกที่เราจะแนะนำให้อ่านกันในบทความนี้ ก็คือฟังก์ชันการทำงานของ Find My iPhone ที่มาเอาไว้ให้บริการสำหรับผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ IOS หรือก็คือแอปพลิเคชันสำหรับใช้ในการติดตามอุปกรณ์รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ในเครือของ Apple ทั้ง iPhone, iPad, MacBook นั่นเอง
โดยวิธีการใช้งานฟังก์ชัน Find My iPhone ก็ไม่ได้ยุ่งยาก เพราะสามารถทำได้โดยการเข้าไปตั้งค่าแอปพลิเคชันที่เมนู Settings ภายในตัวเครื่อง จากนั้นให้ทำการเลือกไปที่เมนู Apple ID ซึ่งจะเป็น ID ส่วนตัวของแต่ละบุคคล เมื่อทำการกดเข้าไปแล้วหน้าเมนูจะขึ้นแถบฟังก์ชันต่าง ๆ ขึ้นมา ให้มองหาสัญลักษณ์สีเขียวและคำว่า Find My (สำหรับผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษ) จากนั้นให้เราทำการเปิดใช้งานฟีเจอร์ภายในfy’ouh
- ตรงเมนู Find My iPhone ให้กดเปิดสถานนะจนเป็นคำว่า On
- กดเปิดการใช้งาน Find My iPhone ให้ขึ้นสถานะเปิดให้งาน
- กดเปิดการใช้งาน Find My Network ให้ขึ้นสถานะเปิดให้งาน
- กดเปิดการใช้งาน Send Last Location ให้ขึ้นสถานะเปิดให้งาน
หลังจากที่ทำการตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว หากเราต้องการจะใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหนไอโฟน ก็สามารถทำได้ทั้งในรูปแบบของเครื่องที่ใช้ Apple ID เดียวกันกับเครื่องที่หายไป หรือจะใช้ฟังก์ชันนี้จากเครื่องของเพื่อน ที่ใช้งาน Find My iPhone ด้วยก็ได้เช่นเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นฟังก์ชันการใช้งานที่ทั้งตอบโจทย์ และช่วยแก้ปัญหาของการทำโทรศัพท์หายหรือโทรศัพท์ถูกขโมยได้เป็นอย่างดี
Android Device Manager หรือ Google Find My Device (Android)
อีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยให้ทุกคนสามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหนได้ง่ายมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีโทรศัทพ์อีกเครื่องเพื่อนำมาใช้ในการตามหา โดยมีการระบุรายละเอียดเอาไว้ว่าวิธีการนี้สามารถใช้งานได้สำหรับชาว Android ซึ่งไม่มีฟังก์ชันในการตามหาโทรศัพท์เหมือนกับผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์ในเครือของ Apple ที่สามารถใช้งานได้ผ่านทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
โดยวิธีการก็คือให้ทำการเข้าสู่เว็บไซต์ www.android.com/devicemanager หรือ google.com/android/devicemanager ซึ่งทุกคนสามารถเข้าสู่เว็บไซต์ได้ผ่านทางคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตได้เหมือนเว็บไซต์อื่น ๆ ทั่วไป เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์เป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ทำการเข้าสู่ระบบบัญชี google account (บัญชี Gmial) ที่เราใช้งานในโทรศัพท์มือถือเครื่องที่ต้องการจับสัญญาณโทรศัพท์หาย หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Find My Device ซึ่งเมื่อเราทำการเข้าสู่ระบบได้สำเร็จแล้ว หน้าจอของเว็บไซต์ก็จะขึ้นตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือมาให้เลยทันที ผ่านรูปแบบของแผนที่คล้ายคลึงกับ Google map เลยนั่นเอง
นอกจากวิธีการนี้จะสามารถตามหาตำแหน่งล่าสุดของโทรศัพท์ได้แล้ว มันยังสามารถทำการล็อกโทรศัพท์เครื่องที่ต้องการตามหาเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าใช้งานได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น Android Device Manager ยังสามารถฝากข้อความเพื่อให้ไปแสดงผลบนหน้าจอของโทรศัพท์ เพื่อให้ผู้ที่พบเจอโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวสามารถติดต่อกลับ และนำโทรศัพท์มาคืนให้กับเจ้าของได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
Life360 Application (Android/IOS)
ต้องบอกก่อนว่า Life360 Application อาจจะไม่ใช่แอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนามาเพื่อตามหาโทรศัพท์เสียทีเดียว แต่ด้วยการทำงานและฟังก์ชันก็มันก็สามารถนำเอามาประยุกต์ใช้ เพื่อจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหนได้ดีและแม่นยำไม่น้อยไปกว่าวิธีอื่น ๆ ที่เราได้แนะนำให้ไปแล้วเลยนั่นเอง โดยแอปพลิเคชันดังกล่าวเป็นตัวช่วยในการระบุตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือของบุคคลที่เราอยากติดตาม ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว แฟน หรือลูก เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าคนใกล้ตัวเราก็สามารถใช้วิธีการเดียวกันเพื่อติดตามตำแหน่งของเราผ่านการติดตั้งแอปพลิเคชันนี้บนโทรศัพท์มือถือก็ได้เช่นเดียวกันนั่นเอง
ซึ่งการทำงานของเจ้า Life360 Application เรียกได้ว่าเป็นระบบการทำงานที่มีความเรียลไทม์และระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ไม่เพียงเท่านั้นภายในแอปพลิเคชันก็ยังมีฟังก์ชันการใช้งานอีกมากมายซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับความเร็วในขณะเดินทางว่าในขณะนั้นมีการเคลื่อนที่หรือเดินทางที่เร็วผิดปกติหรือไม่, มีระบบ Crash Detection หรือการตรวจจับว่าเกิดการชนหรืออุบัติเหตุขึ้นหรือไม่, มีการบันทึก Location History หรือประวัติการเดินทางไปยังเส้นทางต่าง ๆ ว่าเคยเดินทางไปที่ไหนมาบ้าง เป็นต้น
Timeline in Google Maps (Android/IOS)
หากต้องการจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหนด้วยวิธีการที่ทั้งง่าย และไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแปลก ๆ ให้วุ่นวาย เราก็อยากจะแนะนำให้ทุกคนไปลองใช้งานฟังก์ชัน Timeline บน Google Maps กันดู เนื่องจากหลายคนก็คงจะมีบัญชีของ Goolgle รวมไปถึงรู้จักหน้าตาของ Google Maps กันดีอยู่แล้วนั่นเอง โดยการทำงานของ Timeline จะทำการแสดงเส้นทางและประวัติการเดินทางของอุปกรณ์ที่ได้มีการเข้าสู่ระบบเอาไว้ นอกจากนั้นมันยังสามารถเรียกดูผลการเดินทางย้อนหลังได้อีกด้วยว่ามีการเดินทางไปที่ไหน เดินทางด้วยเส้นทางใด และใช้วิธีการเดินทางแบบไหน ตลอดจนมีการบันทึกวันเวลาในการเดินทางเอาไว้แบบละเอียดหมดจด เรียกได้ว่าหากคุรโชคร้ายโดนโจรขโมยโทรศัพท์ไปก็ตามตัวมาดำเนินคดีได้ไม่ยากแน่นอน
จับสัญญาณโทรศัพท์ด้วยเบอร์
นอกจากวิธีการจับสัญญาณโทรศัพท์ว่าอยู่ที่ไหนด้วยการใช้งานฟังก์ชันที่ติดมาให้กับระบบปฏิบัติของแต่ละค่ายมือถือ รวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่เราได้แนะนำไปให้ด้านบนแล้วนั้น ก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีในการตามหาว่าตอนนี้สัญญาณโทรศัพท์ของเรากำลังอยู่ในบริเวณใด โดยการใช้วิธีจับสัญญาณโทรศัพท์ด้วยเบอร์มือถือนั่นเอง ซึ่งวิธีการก็อาจจะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง หรือถ้าเรามีโทรศัพท์สองเครื่องก็สามารถเริ่มทำการตามหาโทรศัพท์ให้เร็วที่สุดได้เลยนั่นเอง โดยให้ทำการติดต่อไปยังค่ายของเบอร์โทรศัพท์มือถือที่หายไปที่เราทำการใช้บริการอยู่ เพื่อดำเนินการให้ผู้ให้บริการเครืยข่ายเข้าช่วยเหลือ ดังนี้
- เบอร์ติดต่อเมื่อโทรศัพท์หาย dtac โทร. 02-202-8000
- เบอร์ติดต่อเมื่อโทรศัพท์หาย True โทร. 02-858-2616
- เบอร์ติดต่อเมื่อโทรศัพท์หาย AIS โทร. 02-029-3138
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)
- https://sc2.kku.ac.th/office/sci-it/index.php/it10/41-android.html
- https://news.trueid.net/detail/ZVZlPEe2ooYM
📕 อ้างอิงรูปภาพ
- https://support.apple.com/th-th/guide/iphone/iph09b087eda/ios
- https://support.google.com/maps/thread/3707902/why-is-my-timeline-incorrect?hl=en
- https://www.life360.com/intl/