มาทำความรู้จักกับ อะโวคาโด ผลไม้มากสรรพคุณ พร้อมเมนูตัวอย่างที่อร่อยดีต่อสุขภาพ

ประโยชน์ของ อะโวคาโด้ ที่คุณอาจะไม่รู้มากก่อน และเมนูสำหรับสายเฮลตี้ห้ามพลาด

ทำความรู้จักกับผลไม้สารพัดประโยชน์อย่าง อะโวคาโด้ ให้มากขึ้น

อะโวคาโด้ เป็นผลไม้ที่มีผิวขรุขระเปลือกหนา โดยที่ลูกที่ไม่สุกนั้นจะเป็นสีเขียวเข้ม แต่เมื่อสุกนั้นลูกจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือดำ โดยที่ตัวเนื้ออะโวคาโด้ ที่เรานิยมนำมารับประทานกันจะเหมือนครีมอ่อนนุ่มรสชาติคล้ายเนยจืด จนทำให้ได้อีกชื่อคือ ลูกเนยเลยทีเดียว Avocado 1 ลูกนั้นมีแคลลอรีสูงถึง 200 กรัม โดยปริมาณที่แนะนำให้รับประทานนั้นคือเพียงแค่ครึ่งลูกหรือ 100 กรัมก็เพียงพอต่อวันแล้ว เพราะนอกจากแคลลอรีสูงแล้วยังมีไขมันสูงอีกด้วย ทุกๆ 100 กรัมมีไขมันมากถึง 15 กรัมเลย แต่ก็ไม่ได้อันตรายมากใดๆ เพราะเป็นไขมันชนิดดี ทำให้อิ่มนานเหมาะกับการรับประทานเพื่อช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

วิธีการเลือก อะโวคาโด้ ที่สุกพร้อมรับประทาน

สำหรับคนที่เริ่มลดน้ำหนักหรืออยากเริ่มต้นทาน อะโวคาโด้ เพื่อสุขภาพ วันนี้เราจะมาสอนกันว่าต้องเลือกอย่างไรให้ถูกวิธี ถึงจะได้ลูกที่พร้อมกินมากที่สุด โดยปกติแล้วเราจะดูจากสีของเปลือกเป็นหลัก

• ถ้าเปลือกเป็นสีเขียวอยู่ แปลว่าผลข้างในนั้นยังไม่สุกแน่นอน ต้องรออีก 4-5 วันเราถึงจะรับประทานได้
• ถ้าเปลือกเป็นสีม่วงคล้ำๆ ปนเขียว แปลว่าใกล้จะสุกแล้ว ให้รออีกประมาณ 2 วัน เราถึงจะรับประทานได้
• ถ้าเมื่อไรก็ตามที่ผลเป็นสีดำคล้ำ ขั้วผลแห้งสนิท แปลว่าเราสามารถรับประทานได้เลยทันที

วิธีปอก อะโวคาโด้ ให้ได้เนื้อเยอะที่สุด

ปัญหาแรกๆ เลยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มกิน ที่หลายๆ คนมักจะเจอคือไม่ค่อยกล้าปอก เพราะไม่รู้วิธีจัดการกับเนื้อไม่ให้เละ รับรองว่าถ้าทำตามขั้นตอนดังนี้คุณจะได้ อะโวคาโด้ สวยๆ พร้อมรับประทานแน่นอน

1. ผ่ากลางผล อะโวคาโด ไปตามแนวยาว เมื่อมีดจดเข้ากับเมล็ดแล้วให้เราดันมีดวนไปเรื่อยๆ
2. หลังจากเราใช้มีดผ่าตัดกลางส่วนเนื้อหมดแล้ว ให้ใช้มือบิดทั้งสองด้านของอะโวคาโด แบ่งเป็น 2 ส่วน
3. ใช้มีดสับเข้าไปที่เมล็ดเบาๆ เพื่อให้เมล็ดติดกับมีด แล้วใช้มีดบิดเมล็ดให้ออกมา
4. ผ่าครึ่งเนื้อ อะโวคาโด ด้านในอีกที และใช้มือดึงเปลือก อะโวคาโด ออกมาแทนการใช้ช้อนขูด
5. ใช้มีดหั่น อะโวคาโด ให้ได้ขนาดตามรับประทาน หรือเอาไปประกอบอาหารต่อได้เลย

ประโยชน์ของผล อะโวคาโด้ ที่คุณอาจจะไม่รู้

สำหรับผลไม้อย่าง อะโวคาโด้ นั้น ต้องบอกเลยว่าถือเป็นสุดยอดของผลไม้ของสายเฮลตี้ เพราะว่าผลประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการรับประทานผลไม้ชนิดนี้นั้นสูงมากๆ เมื่อเทียบกับการรับประทานผลไม้ชนิดๆ อื่นๆ ในระหว่างลดน้ำหนัก หรือเน้นในเรื่องการดูแลสุขภาพมากๆ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

1. มีสารอนุมูลอิสระ การรับประทาน อะโวคาโด นั้นจะช่วยให้เราได้รับสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันจากมลพิษรอบๆ ตัว หรือจะเป็นการลดภาวะการณ์เสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง และทำให้ร่างกายเราแข็งแรงขึ้น
2. ลดริ้วรอยได้ดี ประโยชน์ของ อะโวคาโด นั้นไม่ใช่แค่รับประทานเท่านั้น เพราะปัจจุบันก็ได้ถูกนำไปเป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย เพราะสามารถช่วยในเรื่องลดริ้วรอย และทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้
3. บำรุงสายตา และป้องกันโรคเกี่ยวกับสายตา เพราะนอกจากใน อะโวคาโด้ นั้นจะมีวิตามินเอ ที่ช่วยในการบำรุงสายตาให้ดีแล้ว ยังมีลูทีนที่ลดความเสี่ยงการเกิดโรคต้อกระจกอีกด้วย
4. ช่วยในการลดน้ำหนัก เนื่องจากอะโวคาโดนั้นเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง และยังมีกรดโอเลอิกที่ช่วยกระตุ้นสมองให้อิ่มเร็วกว่าเดิม ไม่หิวบ่อยๆ นอกจากนี้แล้วผลอะโวคาโดยังมีปริมาณน้ำตาลที่ต่ำอีกด้วยทำให้เหมาะมากๆ ในการรับประทานเพื่อให้อิ่มในช่วงลดน้ำหนัก
5. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ เนื่องจากอะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันเลวในหลอดเลือดได้ ทำให้ลดโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจเช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และโรคหัวใจวาย
6. ป้องกันหวัดได้ เนื่องจากในผลของอะโวคาโดนั้นมีวิตามินซี ทำให้เราสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายง่ายๆ เพียงแค่รับประทานเท่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟันอีกด้วยถือว่าป้องกันหลากหลายโรคมาก
7. ป้องกันโรคปากนกกระจอก เนื่องจากในอะโวคาโด มีวิตามินบี ที่สามารถช่วยให้ลดการอักเสบของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายในก็ตาม และถ้าคุณรับประทานเป็นประจำยังสามารถช่วยลดโอกาสที่จะเป็นโรคปากนกกระจอกได้อีกด้วย
8. ลดความถี่ของการเป็นโรคเหน็บชา การรับประทานผลไม้ชนิดนี้จะช่วยในการลดความถี่ของการเป็นโรคเหน็บชาได้
9. โปรตีนสูงมาก นอกจากนี้ยังเป็นโปรตีนชนิดที่ย่อยง่ายอีกด้วย ส่งผลให้ระบบขับถ่ายของเรานั้นดีขึ้นแน่นอน จึงทำให้คุณหมดปัญหาท้องผูกระหว่างที่กำลังลดน้ำหนัก
10. ช่วยบำรุงครรภ์ได้ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ในอะโวคาโดมีโฟเลตสูงมาก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญเลยสำหรับการบำรุงครรภ์ เพราะจะช่วยในเรื่องของการพัฒนาระบบประสาทของลูกน้อยของคุณที่อยู่ในครรภ์ และยังทำให้คุณแม่แข็งแรงขึ้นอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามควรรับประทานแต่พอดีเท่านั้น
11. ช่วยให้ลูกน้อยของคุณสุขภาพดี นอกจากที่คุณจะรับประทานแล้วเกิดประโยชน์ คุณยังสามารถให้เด็กเล็กกินในปริมาณน้อยเป็นอาหารเสริมได้อีกด้วย เพราะในอะโวคาโดนั้นอุดมไปด้วยไขมันดีที่มีปริมาณเยอะมาก
12. บำรุงผิว น้ำมันที่ได้จากการสกัดออกมาจาก อะโวคาโด้สดสามารถช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาขึ้นได้ เหมาะอย่างมากสำหรับคนผิวแห้ง เพราะตัวน้ำมันของผลไม้ชนิดนี้เป็นน้ำมันที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังของเราดีมากเมื่อเทียบกับชนิดอื่นๆ
13. บำรุงเส้นผลได้ เพราะว่านอกจากจะช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมแล้ว ยังสามารถเอาน้ำมันจากอะโวคาโดมานวดบริเวณศีรษะเพื่อช่วยเร่งการงอกของเส้นผมได้อีกด้วย
14. น้ำตาลน้อย เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีน้ำตาลที่ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับผลไม้อื่นๆ จึงถูกนำไปใช้บ่อยมากในการช่วยผู้ป่วยเบาหวาน ให้สามารถรับประทานผลไม้ได้ และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วย เพราะในปัจจุบัน อะโวคาโด้ นิยมมากในการนำไปประกอบอาหารปรุงแทนเนย หรือแม้แต่การทานร่วมกับไอศกรีม นมข้นหวาน หรือเค้กเป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้ในการประกอบอาหารในหลายๆ เมนูอีกด้วย

แจกเมนู อะโวคาโด้ ทำง่าย เหมาะกับสายคลีน

นอกจากอะโวคาโด้ จะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากแล้ว ในปัจจุบันก็ยังนิยมนำไปประกอบอาหารอีกด้วย ซึ่งไม่จำเป็นเลยที่จะต้องผ่านความร้อนใดๆ ดังนั้นคุณสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองเลย จะมีเมนูอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกัน

แซนวิชทูน่าอะโวคาโด

เป็นเมนูง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ เริ่มจากที่เราต้องมีส่วนผสมหลักอย่าง ทูน่ากระป๋อง หอมหัวใหญ่ และอะโวคาโดที่หั่นเรียบร้อยแล้ว นำไปวางหรือทาบนขนมปัง เติมเกลือลงไปเล็กน้อย พร้อมกับใส่ส่วนผสมเพิ่มเติมอย่างผักลงไป เท่านี้เราก็ได้อาหารที่พกพาง่ายนำไปกินที่ไหนก็ได้ แถมยังมีประโยชน์สูงอีกด้วย

สมูทตี้กีวีอะโวคาโด้

เป็นอีกหนึ่งเมนูที่แนะนำเลยสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบรับประทานผักผลไม้ เพราะการทำให้อยู่ในรูปแบบของเหลวนั้นจะช่วยให้รับประทานง่ายมาก โดยให้เรานำ อะโวคาโด กีวี และโยเกิร์ต ที่เราเตรียมไว้ใส่ลงในเครื่องปั่น ปรุงด้วยน้ำเชื่อม เกลือ และน้ำผึ้งเล็กน้อย จากนั้นใส่น้ำแข็งและปั่นให้ละเอียด เท่านี้เราก็ได้เครื่องดื่มเฮลตี้แบบง่ายๆ ทำกินเองที่บ้านได้แล้ว

อกไก่ย่างมะนาวอะโวคาโด้

เริ่มจากการเตรียมหมักอกไก่กับเกลือป่นและพริกไทยเตรียมไว้ก่อน และในช่วงเวลาที่เรากำลังว่างก็เตรียมตัวไปหั่นอะโวคาโดรอได้เลย โดยเราจะหั่นเป็นแนวยาวเพื่อนำมารับประทานควบคู่กับจานหลักอย่าง ไก่มะนาวของเรา โดยหลังจากที่ไก่หมักได้ที่แล้วก็นำไปย่าง หรือจะอบก็ได้ รอให้สุกแล้วนำออกจากเตา ปรุงรสเพิ่มเติมด้วยมะนาวและพริกไทยป่นลงไป รับรองว่าอร่อยแน่นอน เวลารับประทานก็ให้นำไก่ที่เราได้จากการปรุงมาวางบนอะโวคาโดและรับประทานได้เลย

เก็บอะโวคาโด้สุกอย่างถูกวิธี

สำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มกินอะโวคาโด้ เป็นครั้งแรกๆ ปัญหาที่คุณมักจะได้เจอเลยก็คือเก็บไว้ในตู้เย็นแล้ว แต่อะโวคาโดที่สุกของเราก็ยังกลายเป็นสีน้ำตาล เพราะเกิดจากที่เนื้อของอะโวคาโดเจอกับอากาศ ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นจนเกิดเป็นเม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน ทำให้รู้สึกว่าความน่ารับประทานลดลงไปนั่นเอง โดยเราสามารถแก้ไขได้ดังนี้

1. นำอะโวคาโดสุกที่เราเอาเมล็ดออกเรียบร้อยแล้วบีบมะนาวลงไปยังเนื้อของอะโวคาโดแล้วทาให้ทั่ว
2. จากนั้นให้นำใส่กล่องหรือถุงสุญญากาศและนำไปแช่ในตู้เย็น

*นอกจากน้ำมะนาวแล้วเรายังสามารถใช้การทาด้วยน้ำมันมะกอกให้ทั่วเนื้อได้อีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับข้อมูลของอะโวคาโด้ ผลไม้สารพัดประโยชน์ที่มีส่วนช่วยหลากหลายมากในการบำรุงสุขภาพของคุณ หวังว่าเพื่อนๆ จะชื่นชอบกันนะ นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูที่สามารถนำไปรับประทานคู่กับอะโวคาโดอีกเพียบที่คุณต้องลองไปทำดูให้ได้ เพราะนอกจากการนำไปกินเป็นสลัดแล้ว ผลไม้ชนิดนี้ยังถูกนำไปทำอาหารในหลายๆ เมนูอีกด้วย แต่ถึงแม้ว่าจะมีข้อดีเยอะก็ควรทานแต่พอดี ไม่ควรเกินวันละ 1 ลูก เพราะเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูงมาก หากเพื่อนๆ อยากจะคุมน้ำหนัก การรับประทานอะโวคาโดก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีเลย

📚 อ้างอิง (Reference Sites)

📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)

📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)

• https://cooking.kapook.com/view246403.html
• https://corporate.lotuss.com/blog/tips/simple-trick-to-pick-your-fresh-and-tasty-avocados/
• https://medthai.com/อะโวคาโด/

📕 อ้างอิงรูปภาพ

• https://unsplash.com/s/photos/avocado
• https://corporate.lotuss.com/en/blog/tips/simple-trick-to-pick-your-fresh-and-tasty-avocados-en/
• https://food.mthai.com/dessert/121979.html

เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม