หากจะให้พูดถึงตัวเลขของภาษาอังกฤษ เชื่อว่าเพื่อนหลายคนคงจะนึกถึงคำศัพท์ one, two, three, บลาๆ อย่างแน่นอน แต่ว่าจะให้เราใช้การนับเลขธรรมดาในการบอกลำดับสิ่งของ ลำดับคิว ลำดับคน ก็คงจะไม่ได้เพราะว่าผิดหลักของภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องใช้หลักการนับเลขลำดับ ในภาษาอังกฤษ พวก First, Second, Third บลาๆ แทน และสำหรับคนที่ยังสับสนว่าระหว่างการนับเลขหรือนับเลขลำดับ ภาษาอังกฤษนั้นใช้อย่างไร ในวันนี้เราก็ได้รวบรวมสาระน่ารู้เกี่ยวกับการนับเลขลำดับ การอ่าน และการเขียนมาให้ดูกัน จะได้รู้ว่าใช้อย่างไรถึงจะถูกต้อง
ตัวเลขทั่วไป VS เลขลำดับ ในภาษาอังกฤษต่างกันอย่างไร?
สำหรับหลักการใช้ตัวเลขในภาษาอังกฤษนั้นมันจะมีอยู่ 2 แบบ คือการใช้ตัวเลขแบบทั่วๆ ไป หรือที่เรียกว่า Cardinal Number และการใช้เป็นตัวเลขลำดับที่ ภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Ordinal Number ซึ่งทั้ง 2 แบบนั้นจะมีหลักการใช้ดังนี้
- ตัวเลขทั่วๆ ไป ภาษาอังกฤษ: Cardinal Number นั่นคือพวก one, two, three, … โดยตัวเลขทั่วไปนั้นจะใช้กับกรณีที่ไม่มีการบอกลำดับเขามาเกี่ยวข้อง เช่น การบอกปริมาณ ไม่ว่าจะเป็น ราคา จำนวนเงิน จำนวนคน หรือจำนวนสิ่งของ และ การบอกเวลา ก็ล้วนใช้แต่ Cardinal Number เป็นหลัก
- ตัวเลขลำดับที่ ภาษาอังกฤษ: Ordinal Number ซึ่งคำศัพท์ก็จะมี first, second, third, fourth, เป็นต้น ซึ่งจะใช้กับสิ่งที่มีลำดับเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างพวก วันที่ ลำดับการแข่งขันเพื่อเข้าเส้นชัย ลำดับสิ่งของ ลำดับของคน ตัวชั้นของอาคาร เป็นต้น
ตัวอย่างการนับเลขลำดับ 1 – 100 ภาษาอังกฤษ
- ลำดับที่ 1 > ภาษาอังกฤษ First > ตัวย่อ 1st
- ลำดับที่ 2 > ภาษาอังกฤษ Second > ตัวย่อ 2nd
- ลำดับที่ 3 > ภาษาอังกฤษ Third > ตัวย่อ 3rd
- ลำดับที่ 4 > ภาษาอังกฤษ Fourth > ตัวย่อ 4th
- ลำดับที่ 5 > ภาษาอังกฤษ Fifth > ตัวย่อ 5th
- ลำดับที่ 6 > ภาษาอังกฤษ Sixth > ตัวย่อ 6th
- ลำดับที่ 7 > ภาษาอังกฤษ Seventh > ตัวย่อ 7th
- ลำดับที่ 8 > ภาษาอังกฤษ Eighth > ตัวย่อ 8th
- ลำดับที่ 9 > ภาษาอังกฤษ Ninth > ตัวย่อ 9th
- ลำดับที่ 10 > ภาษาอังกฤษ Tenth > ตัวย่อ 10th
- ลำดับที่ 11 > ภาษาอังกฤษ Eleventh > ตัวย่อ 11th
- ลำดับที่ 12 > ภาษาอังกฤษ Twelfth > ตัวย่อ 12th
- ลำดับที่ 13 > ภาษาอังกฤษ Thirteenth > ตัวย่อ 13th
- ลำดับที่ 14 > ภาษาอังกฤษ Fourteenth > ตัวย่อ 14th
- ลำดับที่ 15 > ภาษาอังกฤษ Fifteenth > ตัวย่อ 15th
- ลำดับที่ 16 > ภาษาอังกฤษ Sixteenth > ตัวย่อ 16th
- ลำดับที่ 17 > ภาษาอังกฤษ Seventeenth > ตัวย่อ 17th
- ลำดับที่ 18 > ภาษาอังกฤษ Eighteenth > ตัวย่อ 18th
- ลำดับที่ 19 > ภาษาอังกฤษ Nineteenth > ตัวย่อ 19th
- ลำดับที่ 20 > ภาษาอังกฤษ Twentieth > ตัวย่อ 20st
- ลำดับที่ 21 > ภาษาอังกฤษ Twenty-first > ตัวย่อ 21st
- ลำดับที่ 22 > ภาษาอังกฤษ Twenty-second > ตัวย่อ 22nd
- ลำดับที่ 23 > ภาษาอังกฤษ Twenty-third > ตัวย่อ 23rd
- ลำดับที่ 24 > ภาษาอังกฤษ Twenty-fourth > ตัวย่อ 24th
- ลำดับที่ 25 > ภาษาอังกฤษ Twenty-fifth > ตัวย่อ 25th
- ลำดับที่ 26 > ภาษาอังกฤษ Twenty-sixth > ตัวย่อ 26th
- ลำดับที่ 27 > ภาษาอังกฤษ Twenty-seventh > ตัวย่อ 27th
- ลำดับที่ 28 > ภาษาอังกฤษ Twenty-eighth > ตัวย่อ 28th
- ลำดับที่ 29 > ภาษาอังกฤษ Twenty-ninth > ตัวย่อ 29th
- ลำดับที่ 30 > ภาษาอังกฤษ Thirtieth > ตัวย่อ 30th
- ลำดับที่ 31 > ภาษาอังกฤษ Thirty-first > ตัวย่อ 31st
- ลำดับที่ 32 > ภาษาอังกฤษ Thirty-second > ตัวย่อ 32nd
- ลำดับที่ 33 > ภาษาอังกฤษ Thirty-third > ตัวย่อ 33rd
- ลำดับที่ 34 > ภาษาอังกฤษ Thirty-fourth > ตัวย่อ 34th
- ลำดับที่ 35 > ภาษาอังกฤษ Thirty-fifth > ตัวย่อ 35th
- ลำดับที่ 36 > ภาษาอังกฤษ Thirty-sixth > ตัวย่อ 36th
- ลำดับที่ 37 > ภาษาอังกฤษ Thirty-seventh > ตัวย่อ 37th
- ลำดับที่ 38 > ภาษาอังกฤษ Thirty-eighth > ตัวย่อ 38th
- ลำดับที่ 39 > ภาษาอังกฤษ Thirty-ninth > ตัวย่อ 39th
- ลำดับที่ 40 > ภาษาอังกฤษ Fortieth > ตัวย่อ 40th
- ลำดับที่ 41 > ภาษาอังกฤษ Forty-first > ตัวย่อ 41st
- ลำดับที่ 42 > ภาษาอังกฤษ Forty-second > ตัวย่อ 42nd
- ลำดับที่ 43 > ภาษาอังกฤษ Forty-third > ตัวย่อ 43rd
- ลำดับที่ 44 > ภาษาอังกฤษ Forty-fourth > ตัวย่อ 44th
- ลำดับที่ 45 > ภาษาอังกฤษ Forty-fifth > ตัวย่อ 45th
- ลำดับที่ 46 > ภาษาอังกฤษ Forty-sixth > ตัวย่อ 46th
- ลำดับที่ 47 > ภาษาอังกฤษ Forty-seventh > ตัวย่อ 47th
- ลำดับที่ 48 > ภาษาอังกฤษ Forty-eighth > ตัวย่อ 48th
- ลำดับที่ 49 > ภาษาอังกฤษ Forty-ninth > ตัวย่อ 49th
- ลำดับที่ 50 > ภาษาอังกฤษ Fiftieth > ตัวย่อ 50th
- ลำดับที่ 51 > ภาษาอังกฤษ Fifty-first > ตัวย่อ 51st
- ลำดับที่ 52 > ภาษาอังกฤษ Fifty-second > ตัวย่อ 52nd
- ลำดับที่ 53 > ภาษาอังกฤษ Fifty-third > ตัวย่อ 53rd
- ลำดับที่ 54 > ภาษาอังกฤษ Fifty-forth > ตัวย่อ 54th
- ลำดับที่ 55 > ภาษาอังกฤษ Fifty-fifth > ตัวย่อ 55th
- ลำดับที่ 56 > ภาษาอังกฤษ Fifty-sixth > ตัวย่อ 56th
- ลำดับที่ 57 > ภาษาอังกฤษ Fifty-seventh > ตัวย่อ 57th
- ลำดับที่ 58 > ภาษาอังกฤษ Fifty-eighth > ตัวย่อ 58th
- ลำดับที่ 59 > ภาษาอังกฤษ Fifty-ninth > ตัวย่อ 59th
- ลำดับที่ 60 > ภาษาอังกฤษ Sixtieth > ตัวย่อ 60th
- ลำดับที่ 70 > ภาษาอังกฤษ Seventieth > ตัวย่อ 70th
- ลำดับที่ 80 > ภาษาอังกฤษ Eightieth > ตัวย่อ 80th
- ลำดับที่ 90 > ภาษาอังกฤษ Ninetieth > ตัวย่อ 90th
- ลำดับที่ 100 > ภาษาอังกฤษ One hundredth > ตัวย่อ 100th
- ลำดับที่ 531 > ภาษาอังกฤษ Five hundred and thirty-first > ตัวย่อ 531st
- ลำดับที่ 1,000 > ภาษาอังกฤษ One Thousandth > ตัวย่อ 1,000th
- ลำดับที่ 1,000,000 > ภาษาอังกฤษ One millionth > ตัวย่อ 1,000,000th
- ลำดับที่ 1,000,000,000 > ภาษาอังกฤษ One billionth > ตัวย่อ 1,000,000,000th
- ลำดับที่ 1,000,000,000,000> ภาษาอังกฤษ One trillionth > ตัวย่อ 1,000,000,000,000th
ตัวอย่างการใช้หลักการนับเลขลำดับในภาษาอังกฤษ
1.ลำดับคน / ลำดับของ
ถ้าหากเราจะบอกว่า เรานี่แหละคือเป็นคนที่สองจากทางซ้ายในภาพนี้ เราสามารถใช้เลขลำดับ ภาษาอังกฤษในประโยคได้ดังนี้
“I am the second from the left in this photo.”
หรือถ้าอยากจะบอกเกี่ยวกับสิ่งของ ว่าคุณเห็นตึกที่ห่างไปอีก 3 ตึกตรงนั้นไม้ เราจะพูดได้ดังนี้
“Do you see the third building from that big tree?”
2.ชั้นของอาคาร
ในตึกหรืออาคาร แน่นอนว่าจะต้องมีมากกว่า 1 ชั้นอย่างแน่นอน ซึ่งการพูดถึงชั้นของอาคารเราก็จะใช่เลขลำดับ ภาษาอังกฤษ ดังนี้
“Meet me on the Fourth floor at noon, okay?”
(แปลว่า เดี๋ยวมาเจอกับฉันที่ชั้น 4 ช่วงตอนเที่ยงนะ โอเคมั้ย?)
3.วันที่
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า วันที่ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันนั้น ต้องใช้ตัวเลขลำดับ ภาษาอังกฤษมาเพื่อสื่อสารให้ทุกคนได้เข้าใจ เช่น
“February 1, 2020 เราจะอ่านว่า February First, two thousand and twenty”
ซึ่งสำหรับการเขียนตัวเลขในวันที่นั้น เราจะไม่ค่อยนิยมเขียนเป็นตัวย่อของเลขลำดับ ภาษาอังกฤษ 1st แต่เราเขียนเป็นตัวเลขปกติแต่อ่านเป็นเลขลำดับแทน
ความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลขของประเทศต่างๆ
และนอกจากความรู้เกี่ยวกับเลขลำดับ ภาษาอังกฤษ ที่เราเอามาฝากเพื่อนๆ กันในวันนี้ เรายังมีความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลขของแต่ละประเทศมาฝากเพื่อนๆ กันอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่าความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลขนั้น มีอยู่ในทุกวงการ ทุกประเทศ ทุกศาสนาเลย แล้วจะมีตัวเลขไหนบ้าง ไปดูกันเลย
ตัวเลขลำดับ 4 หรือภาษาอังกฤษ Fourth
สำหรับตัวเลขลำดับที่ 4 นั้น หากจะพูดในความเชื่อของคนจีนนั้น ตัวเลข 4 เป็นตัวเลขที่ไม่เป็นมงคลเลย เพราะว่า เสียงของคำว่า 4 นั้นมันใกล้กับคำว่า ซี้ ที่แปลว่าตายนั้นเอง
และในประเทศญี่ปุ่นก็มีความเชื่อที่คล้ายกับในประเทศจีน ที่ว่าเลข 4 นั้นไม่เป็นมงคล เพราะในภาษาญี่ปุ่นนั้น เลข 4 ก็ออกเสียงเป็นคำว่า ชิ ที่แปลความตายเหมือนกัน
ตัวเลขลำดับ 6 หรือภาษาอังกฤษ Sixth
เลขลำดับที่ 6 ตัวเลขที่หลายประเทศนั้นยกให้เป็นตัวเลขอาถรรพ์ เป็นตัวเลขแห่งการออกนอกลู่นอกทาง ความวิตถาร ผิดเพี้ยน และเป็นเลขซาตาน ซึ่งในประเทศต่างๆ ก็มีความเชื่อดังนี้
- ในประเทศจีน เชื่อว่าเลข 6 นั้นเป็นตัวเลขที่มีความหมายที่ดี เป็นสัญลักษณ์ของความราบรื่น ซึ่งหากหนุ่มสาวคู่ไหนมีแพลนจะแต่งงานกันก็มักจะเลือกวันที่เลข 6 เพื่อเป็นเคล็ดอวยพรให้ชีวิตคู่มีความราบรื่นนั่นเอง
- ส่วนในประเทศไทย กลับเชื่อว่าตัวเลข 6 นั้นเป็นคำที่ไม่มงคล เพราะว่าเมื่อออกเสียงมาแล้วนั้นมักจะพ้องกับคำที่ไม่ค่อยมงคล อาทิเช่น หก ตก หรือล้มไม่เป็นท่า
- ในประเทศแถบฝรั่ง ก็มีความเชื่อเดียวกับไทย ที่เลข 6 นั้นเป็นเลขไม่มงคล โดยเชื่อว่าเป็นเลขเกี่ยวกับความประหลาดผิดเพี้ยน และเป็นเลขเกี่ยวกับซาตาน รวมไปถึงยังพ้องเสียงกับคำว่า Sick ที่เกี่ยวกับการเจ็บป่วยอีกด้วย
ตัวเลขลำดับ 9 หรือภาษาอังกฤษ Ninth
เลขลำดับที่ 9 เลขมงคลตามความเชื่อของคนไทย ซึ่งคำว่า 9 มีคำพ้องเสียงคล้ายกับคำว่า ก้าว ที่แปลว่าก้าวไปข้างหน้า ก้าวไปได้ไกล จึงได้ถูกนำมาใช้เป็นฤกษ์ยามในวันมงคลต่างๆ ต่างจากความเชื่อของประเทศญี่ปุ่น ที่ถือว่าเลข 9 นั้นไม่มงคล เพราะว่า เลข 9 ในภาษาญี่ปุ่นนั้นออกเสียงว่า คุ ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า ยากลำบาก จึงทำให้คนญี่ปุ่นเชื่อว่าเลข 9 นั้นไม่ดีต่างจากประเทศไทยนั่นเอง
ตัวเลขลำดับ 13 หรือภาษาอังกฤษ Thirteenth
เลข 13 เลขสุดอัปมงคลของคนชาวคริสต์ สืบเนื่องมาจากตำนานของอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู ที่เรียกว่า The Last Supper ซึ่งมีสาวกมาเข้าร่วมโต๊ะอาหารจำนวน 13 คน โดยลูกศิษย์ที่ทรยศนั้นนั่งอยู่ตรงตำแหน่งที่ 13 ทำให้ชาวคริสต์ รวมไปถึงชาวตะวันตกบางส่วนนั้นถือว่าเลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์ จนโรงแรมส่วนใหญ่นั้น ไม่มีห้องเลข 13 ไม่มีชั้นที่ 13 และ ในหลายๆ เมืองก็ไม่ถนนหมายเลข 13 อีกด้วย
และนี่ก็คือทั้งหมดของสาระความรู้เกี่ยวกับเลขลำดับ ในภาษาอังกฤษที่เราเอามาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้ หวังว่าเพื่อนๆ น่าจะเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความแตกต่างของหลักการใช้ตัวเลขธรรมดา และเลขลำดับในภาษาอังกฤษ และสามารถเอาไปใช้ได้อย่างถูกต้องนะ และในส่วนเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลข ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเชื่อในศาสตร์ตัวเลขทั้งหมด ซึ่งหากใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เราก็ไม่ว่ากัน ยังไงก็ลองใช้วิจารณญาณ ทำความเข้าใจก่อนจะเลือกเชื่อดูน้า
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)
- https://meowdemy.com/ลำดับที่-ภาษาอังกฤษ/
- https://www.engnow.in.th/2021/05/ordinal-number/
- https://doodee.in.th/archives/ความหมายของตัวเลขกับคว/#
📕 อ้างอิงรูปภาพ
- https://timesproperty.com/news/post/home-numerology-number-6-blid1982
- https://www.thairath.co.th/news/auto/news/907472
- https://blogtanyamai.wordpress.com/2016/11/28/กิจกรรมเกี่ยวกับตัวเลข/