หนึ่งในเรื่องราวตำนานที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของคลีโอพัตรา ประวัติผู้ปกครองอียิปต์เชื้อสายกรีกคนสุดท้าย ที่ไม่ว่าจะถูกหยิบมาบอกเล่าอีกกี่ครั้ง ทั้งจากรูปแบบหนังสือ ซีรีส์ ภาพยนตร์ดังต่างๆ เรื่องราวของคลีโอพัตรายังคงเป็นประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนชื่นชอบที่จะเสพอยู่เสมอ สำหรับใครที่ยังไม่เคยทราบประวัติในเวอร์ชั่นข้อมูลจริงจากแหล่งต่างๆ วันนี้เราได้รวบรวมมานำเสนอบอกเล่าให้ทุกคนได้อ่านเรื่องราวของพระนางคลีโอพัตราไปพร้อมกัน
นามก้องโลกที่มีความหมายถึง “ความรุ่งเรืองของบิดา”
เรามาเริ่มทำความรู้จักว่าคลีโอพัตราคือใคร ผ่านชื่อของเธอที่ใครหลายคนต่างก็ต้องเคยได้ยินผ่านหู ชื่อของคลีโอพัตรา ประวัติเดิมชื่อเต็มคือ “คลีโอพัตรา เธอม ฟิโล ”เป็นภาษากรีกที่มีความหมายว่า “เทพีคลีโอพัตรา ผู้เป็นที่รักของพ่อ” ส่วนชื่อที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “คลีโอพัตรา” มีความหมายว่า “ความรุ่งเรืองของบิดา”
แน่นอนว่าคลีโอพัตราไม่ได้มีแค่ชื่อทีมีความหมายดี แต่ตัวเธอเองยังสร้างความรุ่งเรืองให้กับพระบิดาสมชื่อ เนื่องจากทรงเป็นพระนางที่มากไปด้วยความสามารถโดยเฉพาะในด้านภาษา เธอเรียนรู้อย่างแตกฉานมากถึง 14 ภาษา ทั้งมาเซดอนโบราณ เอธิโอเปียน และภาษาอื่นๆ อีกมากมาย ตลอดจนภาษาอียิปต์ที่แม้แต่ผู้เป็นราชวงศ์ด้วยกันยังไม่อาจเรียนรู้ได้อย่างเชี่ยวชาญเท่าเธอ
คลีโอพัตรา ประวัติย่อในบริบทของพระราชินี
ในบริบทของพระราชินี “คลีโอพัตรา” พระนางเป็นราชินีอียปต์โบราณองค์สุดท้าย โดยครั้งหนึ่งเคยมีบทบาทสำคัญอย่างมากในประวัติศาสตร์อาราจักรโรมัน ย้อนกลับไปก่อนคริสตศักราช 69 ปี คลีโอพัตราได้เกิดขึ้นมาในแผ่นดินอียิปต์ในช่วงเวลาดังกล่าว ต่อมาเธอกับพระเชษฐาได้ร่วมปกครองอียิปต์ กระทั่งเธอมีพระชนมายุเข้า 17 พรรษา ก็ต้องทำหน้าที่ปกครองทั้งประเทศอียิปต์ด้วยพระองค์เอง เป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวการต่อสู้กันกับพระเชษฐาของเธอ
หลังจากนั้นเธอจึงต้องหลบหนีลี้ภัยจาก “อเล็กซานเดรีย” เมืองหลวงอียิปต์ ( ก่อนคริสตกาล 49 ปี ) ออกมา แล้วจังหวะชีวิก็นำพาให้เธอได้ลอบพบกับ “จูเลียน ซีซาร์” ชายชาวโรมันผู้เป็นนายพลที่ตกหลุมรักเธอ และแน่นอนว่าเขาทำหน้าที่ซัพพอร์ตเธออย่างดี กระทั่งเธอได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ในนาม “คลีโอพัตรา” ต่อมาทั้งคู่มีบุตรชายองค์หนึ่ง แต่แล้วช่วงที่ยากลำบากก็หลับเข้ามาอีกครั้ง เพราะในช่วงเวลาที่คลีโอพัตราเสด็จพร้อมซีซาร์เพื่อไปยังกรุงพรม ก่อนคริสตศักราช 44 ปี ซีซาร์ถูลอบสังหาร 2 ปีหลังจากเหตุการณ์นี้ คลีโอพัตราได้เจอกับ “มาร์ค แอนโธนี” ผู้มีตำแหน่งสำคัญเป็น 1 ใน 3 ผู้ปกครองกรุงโรม เธอได้อภิเสกสมรสกับแอนโธนี ชายผู้ซึ่งเดิมทีก็มีลูกและภรรยาของตนอยู่แล้ว กระทั่งต่อมาได้มีบุตรฝาแฝดชายหญิงกับคลีโอพัตรา โดยทั้งคู่มีแผนจะปกครองกรุงโรมแต่แผนกลับล้มเหลว ด้วยภรรยาเก่าของแอนโธนีเป็นน้องสาวของ “อ็อกตาเวียน” หนึ่งในผู้ทำงานเป็นคณะสำเร็จราชการชุดที่ 2 ในอาณาจักรโรมันก็เกิดการยุยงให้ทางวุฒิสภาเปิดสงครามกับทางอียิปต์ที่พระนางคลีโอพัตราปกครอง
สุดท้ายแอนโธนีและพระนางคลีโอพัตราเลือกที่จะฆ่าตัวตาย โดยพระนางใช้งูพิษในการปลิดชีพตัวเอง ส่วนกรรมของอ็อกตาเวียนคือการถูกลอบฆ่าโดย “จูเลียน ซีซาร์ ซีซาเลียน” บุตรชายของพระนางคลีโอพัตราเอง แล้วเรื่องราวบัลลังก์เลือดนี้ก็สิ้นสุดลง
คลีโอพัตรา ประวัติความงามกับภาพจำของหญิงที่มีเสน่ห์ลึกลับ
นอกเหนือจากประวัติศาสตร์ในฐานะผู้เป็นราชินีแห่งอียิปต์แล้ว ชื่อเสียงประวัติคลีโอพัตรา ด้านความงามยังตงถูกนำมาสร้างเป็นภาพจำ ผ่านภาพยนตร์และซีรีส์อีกจำนวนมาก โดยข้อมูลเคล็บลับความงามที่ทำให้เธอดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา พบว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องของผิวพัน แพทย์กรีกโบราณนามว่า “ฮิปโปเครตีส” เคยได้เขียนบันทึกเอาไว้ว่า พระนางคลีโอพัตรานำน้ำนมจากลาจำนวนมากถึง 700 ตวัน มาใช้ในการชำระร่างกาย เนื่องจากน้ำนมช่วยในการผลัดเซลล์ผิวได้ โดยเคล็บลับนี้หากใครอยากจะนำมาปรับใช้จริงในปัจจุบันสามารถทำได้โดยนำนมแพะปริมาณครึ่งแกนลอนมาเติมลงในอ่างอาบน้ำ ใส่น้พผึ้งดิบที่ไม่ผ่านการกลั่นละลาย แล้วเพิ่มเติมด้วยการใส่น้ำหอมลงไปแช่อาบชะระร่างกายก็จะช่วยให้ผิวสวยได้เช่นกัน
Cassius Dio VS Plutarch กับประเด็นถกเถียงถึงความงามของคลีโอพัตรา
Cassius Dio นักประวัติศาสตร์ ชาวโรมัน งานเขียนของเขาที่ถูกเขียนขึ้นหลังพระนางคลีโอพัตราปลิดชีพตัวเธอจากไปราว 200 ปี ระบุว่า “…พระนางคลีโอพัตราเป็นหญิงสาวผู้มีความงามมากกว่าความงามอื่นใด เพียงได้เห็นก็ถือว่าเป็นบุญต่อสายตา…”
แต่ Plutarach นักประวัติศาสตร์ ชาวกรีก กลับสร้งงานเขียนที่บอกเล่าถึงความงามของพระนางคลีโอพัตราต่างออกไปว่า “…ความงามของพระนางคลีโอพัตรา มิได้หาผู้ใดเปรียบไม่ได้ หรือจะทำให้ใครตกตะลึงเพียงแค่เห็นใบหน้า…”
แน่นอนว่าความเห็นที่แยกกันนี้นำมาซึ่งการวิเคราะห์จากหลักฐานภาพสลักใบหน้าของคลีโอพัตราที่ปรากฏบนเหรียญกษาปณ์ แต่หลักฐานเหล่านี้ก็อาจเพียงถ่ายทอดผ่านอุดมคติตามแต่ช่วงเวลา ทำให้คลีโอพัตราถูกวิเคราะห์ได้ว่าอาจเป็นหญิงสาวที่มีความธรรมดาสามัญทั่วไป อาจจะมีความงามที่เป็นธรรมชาติตามยุคสมัย ตลอดจนมมีการวิเคราห์ว่าภาพสลักของพระนางถูกทำให้มีความละม้ายผู้ชาย ทั้งนี้ก็เพื่อจุดประสงค์ที่ต้องการจะสื่อความมีอำนาจออกมาผ่านภาพสลักเหล่านี้นั่นเอง และด้วยข้อมูลที่มีอยู่หลากหลายจึงยากที่สรุปได้ว่าแท้จริงแล้วราชินี “คลีโอพัตรา” มีใบหน้าที่งดงามเพียงใด
สุดท้ายคลีโอพัตรา
ประวัติของราชีนีผู้ปกครองอียิปต์ที่มีเชื้อกรีกคนสุดท้ายก็ยังคงถูกเล่าขานกันสืบมา ใครอยากจะศึกษาเพิ่มเติมหรือดูซีรีส์เพิ่มอรรถรสก็สามารถหามารับชมกันได้ เพราะเรื่องราวของเธอปรากฏอยู่ในหลายๆ แพตฟอร์มทั้งหนังสือ ภาพยนตร์มีให้ได้เลือกเสพตามต้องการ
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)
📕 อ้างอิงรูปภาพ
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม