“Iceland” เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเนื่องจากความเป็นธรรมชาติของประเทศนี้ เช่น แสงเหนือ ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ น้ำตกที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่ราบสูงที่งดงามและแน่นอนการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ และเป็นอีกหนึ่งประเทศที่หลายคนอยากเดินทางท่องเที่ยวไปดูแสงเหนือกัน หรือแสงออโรร่า นอกจากที่ไอซ์แลนด์จะมีจุดเด่นของการไปดูแสงเหนือที่พาดผ่านอยู่กลางท้องฟ้าแล้วนั้น สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์นั้นเรียกได้ว่าไปแค่ที่ไอซ์แลนด์คุณก็จะได้สัมผัสทุกบรรยากาศเลย ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของธรรมชาติ ทะเล ภูเขา น้ำตก มีครบจบในทีเดียว
“Iceland” เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกในยุโรปเหนือ ตั้งอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ระหว่างกรีนแลนด์ นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร เชื่อว่าชนกลุ่มแรกที่เข้ามายังผืนน้ำแข็งแห่งนี้คือกลุ่มนักบวชชาวไอริช และย้ายหนีออกไปก่อนที่ชาวไวกิงจะเข้ามาตั้งถิ่นฐานในช่วงปี พ.ศ. 1417 ที่นี่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของนอร์เวย์ และเดนมาร์ก กระทั่งได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2461 ปัจจุบันใช้ระบอบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน โดยเป็นระบอบรัฐสภา โดยมีประธานาธิบดีทำหน้าที่เป็นประมุขแห่งรัฐ
หลังจากผ่านวิกฤตโรคระบาดโควิด 19 ที่ผ่านเชื่อว่าคนไทยหลายคนก็คิดถึงกันท่องเที่ยวกันสุดๆ หนึ่งในนั้นก็ต้องมีไอซแลนด์อยู่ใน list การเดินทางของใครหลายคนใช่ไหมละค่ะ วันนี้เราเลยจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์กัน นอกจากไปดูแสงเหนือแล้วจะมีอะไรน่าท่องเที่ยวบ้างไปดูกันเลย!!
สถานที่ท่องเที่ยวที่แรกก็ต้องยกให้กับการล่าแสงเหนือ
ใครๆ ก็อยากไปดูแสงเหนือ แล้วมีใครเคยสงสัยไหมว่า แสงเหนือคืออะไร แสงเหนือเกิดขึ้นอย่างไร วันเรามีคำตอบมาให้ทุกคนค่ะ “แสงเหนือ” หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า “แสงออโรร่า” บอเรลลิส แสงสีฟ้าและสีเขียวที่งดงามและส่ายไปมาอยู่บนท้องฟ้าเหนือดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นให้เห็นหลังจากที่อนุภาคจากดวงอาทิตย์เคลื่อนที่เข้าสู่สนามแม่เหล็กของโลก และเกิดแตกตัวเป็นไอออนในชั้นบรรยากาศ ซึ่งการแตกตัวนี้ทำให้เกิดเป็นแสงสีต่างๆ ซึ่งโดยมากจะเป็นสีเขียว แต่บางครั้งก็มีสีม่วงแดง ชมพู ส้ม และน้ำเงิน แสงออโรร่าจะปรากฏในบริเวณใกล้กับขั้วสนามแม่เหล็กของโลกเท่านั้น โดยปกติแล้วจะสามารถมองเห็นแสงได้ที่เหนือละติจูด 60 องศาเหนือ และต่ำกว่า 60 องศาใต้ โดย “แสงใต้” จะเรียกว่าแสงออโรร่า ออสเตรลิส
ประเทศไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ที่ละติจูด 64 องศาเหนือโดยประมาณ จึงทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการชมแสงเหนือ แต่ไม่ใช่ทุกครั้งจะได้เห็นแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์นะทุกคน!! เพราะถึงแม้ในคืนที่ฟ้ามืดและฟ้าโปร่ง ไอซ์แลนด์ก็อาจจะไม่มีแสงเหนือให้เห็น เนื่องจากแสงเหนืออาจจะเกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศในช่วงเวลากลางวันของฤดูร้อนก็ได้ แต่ด้วยความสว่างของดวงอาทิตย์ทำให้คุณไม่สามารถมองเห็นพวกมันได้ ฉะนั้นก่อนจะไปดูแสงเหนือก็ check วันและเวลาให้ดีว่าแสงเหนือวันนี้มีไหม และสถานที่ที่จะไป แต่!! เนื่องจากเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติเรื่องบางเรื่องก็ขึ้นอยู่กับดวงหรือป่าวนะ5555 บางครั้งโชคดีก็อาจจะได้เห็นเห็นแสงเหนือกันนะคะ แต่ส่วนมากนักเดินทางทุกคนที่ไปดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ก็จะได้เห็นแสงเหนือกันทุกคนนะคะ เราขอให้ทุกคนที่เดินทางไปดูแสงเหนือได้เห็นแสงเหนือกันทุกคนนะคะ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดูแสงเหนือที่ไอแลนด์จะเป็นช่วงเดือน กันยายน ถึง เมษายนค่ะ
1. Reykjavík (เรคยาวิก เมืองหลวงของประเทศ)
เรคยาวิก เป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ เป็นเมืองหลวงที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเมือง “เรคยาวิก” ซึ่งก็คือแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเรคยายิก ได้แก่ โบสถ์ฮอล์กริมสเคิร์กยา (Hallgrimskirkja) ซึ่งมีความหมายว่า “โบสถ์ของฮาลล์กริมูร์” เป็นสถาปัตยกรรมแนว impressionist ออกแบบโดยสถาปานิกชื่อ กุดโยน โบสถ์คริสต์นิกายลูเธอรัน (Lutheran), อนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน (Leifu Eiriksson) นักเดินทางคนสำคัญในประวัติศาสตร์โลก lcelandic National Gallery หอศิลป์แห่งชาติของประเทศอแลนด์ ตอนนี้ก็ได้มีแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเรคยาวิกที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพ นั้นก็คือ Harpa ซึ่งเป็นอาคารที่ตกแต่งไปด้วยกระจก 6 เหลี่ยม ที่หมายถึงหินภูเขาไฟที่ตกผลึกเกาะตัวกันเมื่อแสงพระอาทิตย์ส่องลงมากระทบกระจกจะเกิดแสงประกายระยิบระยับ สีสันแตกต่างกันออกไปตามมุมมองของเราที่ยืนชม นอกจากนี้ยังมี Reykjavik Whale Watching กิจกรรมล่องเรือชมวาฬซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นวาฬหลากหลายสายพันธ์เลย เช่น วาฬหลังค่อม (Humbpack Whale) สำหรับเวลาในการเกินทางมาเที่ยวที่เมืองเรคยาวิกสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ ซึ่งแต่ละฤดูกาลก็จะมีทัศนียภาพแตกต่างกันออกไปค่ะ
2. Svinafellsjokull (สวีนาเฟลล์โจกุล ธารน้ำแข็งที่เหมือนโลกต่างดาว)
ถ้าคุณได้ไปท่องเที่ยวหรือไปสัมผัสกับธารน้ำแข็งที่เหมือนโลกต่างดาวแห่งนี้คุณจะแปลกใจเลยว่า สิ่งนี้มีอยู่บนพื้นโลกของเราจริงๆ ใช่ไหม ทำไมเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งเลย ธารน้ำแข็ง “สวีนาเฟลล์โจกุล” เป็นทะเลสาบน้ำแข็งที่มีเสียงระดับโลก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ ในอุทยานแห่งชาติ Skaftafell ธารน้ำแข็งแห่งนี้มีบรรยากาศราวกับอยู่ในอวกาศหรือกาแล็กซี่ดวงดาวอื่นๆ ธารน้ำแข็งมีลักษณะเป็นแผ่นน้ำแข็งขรุขระแหลมคม มีสีน้ำเงิน ฟ้า ขาว ตัดด้วยสีดำเป็นลวดลายน้ำแข็งที่สวยงามเหมือนอยู่ในอวกาศ และโดยรอบของที่นี่ยังมีภูเขาไฟที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ทะเลและน้ำตก ด้วยความหลากหลายของสภาพภูมิประเทศทำให้ที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ทำภาพยนตร์มากมายเช่น ภาพยนตร์เรื่อง Interstellar, หนังต้นกำเนิดเอเลี่ยน Prometheus, Game of Thrones, James bond ภาค Die Another Day
3. Crystal Ice Cave (ถ้ำน้ำแข็งที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก)
ใครที่ชอบอากาศหนาว อยากสัมผัสอากาศหนาวแบบสุดๆ ก็ต้องที่นี่เลยค่ะ “ถ้ำน้ำแข็ง” หรือ ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล ที่ไอซ์แลนด์เป็นถ้ำน้ำแข็งที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยค่ะ ตั้งอยู่ที่เมืองสตัฟทาเฟล เป็นถ้ำที่เกิดในทะเลสาบแช่แข็ง ทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์โจกุล ซึ่งทั่วทั้งผนังของถ้ำจะใสคล้ายคริสตัลที่มีราคาแพง และเห็นเป็นสีฟ้าครามสวยงาม ช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยวคือช่วงฤดูหนาวเพราะว่าลักษณะภูมิประเทศจะมีการเปลี่ยนแปลงทำให้ความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่สวยงาม
4. Reynisfjara (ทะเลสีดำ หรือหาดทรายสีดำ)
Reynisfjara หรือ Black Beach เป็นชื่อของทะเลสีดำหรือหาดทรายดำที่มีชื่อเสียงที่สุดในไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ เม็ดทรายสีดำที่หาดทรายแห่งนี้เกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวา และแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมที่บริเวณชายหาด โดยเม็ดทรายที่เกิดขึ้นนี้จะมีความหนาแน่นและทนต่อการแตกสลายหรือผุพัง และด้วยความที่เม็ดทรายมีความหนาแน่นสูงทำให้เวลาคลื่นพัดแรงๆ วัตถุอื่นอื่นที่มีความหนาแน่นน้อยจะถูกพัดออกไป แต่เม็ดทรายนั้นจะถูกพัดพาไปเช่นกันแต่จะถูกพัดพาไปน้อยกว่าทำให้มีการสะสมและรวมตัวกันจนกลายเป็นหาดทรายสีดำ ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวควรมาคือช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกเป็นช่วงที่ดีที่สุดเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ที่กระทบหาดทรายเวลาเช้าและเวลาพบค่ำนั้นสวยงามมาก และอีกช่วงเวลาที่สวยงามคือช่วงฤดูร้อนเพราะจะได้เห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่สวยงามซึ่งมหัศจรรย์มากค่ะ
5. Gullfoss (น้ำตกกุลล์ฟอสส์)
น้ำตกกุลล์ฟอสส์ ได้รับฉายาว่า เป็นน้ำตกไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ ที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง น้ำตกแห่งนี้ไหลมาจากธารน้ำแข็งของแม่น้ำควิทอา หรือ White River ซึ่งมีต้นกำหนิดอยู่ที่ Langjokull ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโก UNESCO ด้วย น้ำตกกุลล์ฟอสส์ มีจุดเด่นคือการไหลของน้ำตกจะไหลเป็นทรงกรวยสามเหลี่ยม สำหรับการเดินทางนักท่องเที่ยวสามารถไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
6. Kirkjufell (ภูเขาเคิร์กจูเฟล)
ภูเขาเคิร์กจูเฟล หรือเรียกอีกชื่อว่า Church Mountain เป็นภูเขาที่สูง 463 เมตร มีลักษณะคล้ายโบสถ์ ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตอนเหนือของคาบสมุทร Snaefellsnes ของไอซ์แลนด์ ถ้ามองไกลq จะเห็นว่าภูเขาจะมีลักษณะเป็นชั้นๆ ต่างสีกัน ชั้นล่างสุดจะเป็นฟอสซิล ส่วนชั้นบนสุดจะเป็นชั้นของหินลาวา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ใกล้กันก็จะมี น้ำตก Kirkjufellsfoss น้ำตกที่มีฉากหลังเป็นภูเขา นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพมากเช่นกัน และเป็นภูเขาที่เหมาะกับการดูพระอาทิตย์ตกหลังเขาที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ยอดฮิตของนักปีนเขาที่จะปีนเขาไปชมความงามบนยอดเขา ภูเขาเคิร์กจูเฟลสวยงามตลอดทั้งปีไม่ว่าจะมาเที่ยวช่วงไหนที่แห่งนี้ก็ยังคงสวยงามและมีทัศนียภาพแตกต่างกันออกไปตามฤดูกาล เช่น ในฤดูหนาวภูเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
ข้อมูลที่ควรรู้สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทย วีซ่า ที่ประเทศไทยไม่มีสถานทูตไอซ์แลนด์ ดังนั้นผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศไอซ์แลนด์ต้องไปขอ “วีซ่า” ที่ “เดนมาร์ก” เท่านั้น โดยมี VFS เป็นศูนย์รับเรื่องการยื่นเอกสาร
เอาละค่ะท่านผู้ชม และนักเดินทางทุกท่าน เป็นยังไงกันบ้างกับสถานที่ท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ ใครที่กำลังมีแพลนจะเดินทางไปเที่ยวที่ไอซ์แลนด์แต่ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนนอกจากจะไปล่าแสงเหนือกันแล้ว ก็มีที่อื่นๆที่สวยงามที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติเป็นคนสร้างเองอีกมายมายให้เป็นตัวเลือกในการเดินทางท่องเที่ยวกันด้วยนะคะ สิ่งสำคัญเลยสำหรับคนไทยนะคะหากใครจะเดินทางไปประเทศไอซ์แลนด์อย่าลืมขอวีซ่าที่เดนมาร์กนะคะ และถ้าใครมีวีซ่าเดินทางอยู่แล้วก็ขอให้การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์สนุกสนาน อิ่มเอมไปกับการผักผ่อนค่ะ
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
📘 อ้างอิงเนื้อหา (External links)
📕 อ้างอิงรูปภาพ
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม