ผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะเคยได้ยินการคุมกำเนิดมาหลากหลายวิธี เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การฉีดยาคุมกำเนิด และการฝังเข็มยาคุมกำเนิด ในขณะที่บางคนเลือกใช้วิธีการนับ “หน้า 7 หลัง 7” ซึ่งเป็นระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ ช่วยลดความเสี่ยงจากการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกัน แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีนับและกังวลว่าจะท้องไหม
รอบเดือนคืออะไร
รอบเดือนคือจำนวนวันของแต่ละรอบประจำเดือน โดยปกติแล้วผู้หญิงจะมีรอบเดือนประมาณ 28 วัน ซึ่งบางคนอาจจะมีมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ แต่ถ้าเราต้องการทราบรอบเดือนของตนเอง จะต้องใช้วิธีนับวันรอบเดือนของตัวเองและควรนับรอบเดือนทั้งหมด 12 รอบเดือนเพื่อความแม่นยำ
หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร
การคุมกำเนิดด้วยวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 เป็นการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติเพื่อหลีกเลี่ยง “วันไข่ตก” ซึ่งช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้ในระดับหนึ่ง เพราะเป็นระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยหากต้องการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับการนับวันสำหรับผู้ที่อยากมีลูกได้เช่นกัน เนื่องจากเป็นการคำนวณวันไข่ตกของฝ่ายหญิง
ทำความเข้าใจกับหน้า 7 หลัง 7
ก่อนที่จะไปเริ่มวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 เราควรทำความรู้จักกับ “วันไข่ตก” ให้เข้าใจเสียก่อน วันไข่ตกเป็นกลไกธรรมชาติของระบบสืบพันธ์ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งเกิดขึ้นทุกเดือนและใช้เวลารอบละ 28 วัน ส่วนการนับวันไข่ตกให้เริ่มนับหลังจากประจำเดือนมาวันแรกคือวันที่ 1 ดังนั้นวันที่ 14 ก็คือวันไข่ตกพอดี กล่าวคือเป็นวันที่ไข่ใบสุกที่สุดออกจากรังไข่นำไปยังส่วนปลายของท่อนำไข่ พร้อมที่จะรับการปฏิสนธิและเป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์มากที่สุด
จากนั้นให้จดบันทึกจำนวนวันของรอบเดือนทุกเดือน ซึ่งต้องติดตามรอบเดือนอย่างน้อย 6 – 12 เดือน ใช้วิธีนับตั้งแต่วันแรกที่ประจำเดือนมาจนถึงวันแรกของประจำเดือนรอบถัดไป เพื่อสังเกตว่าทุก ๆ เดือนนั้นประจำเดือนจะมาช่วงไหนแล้วสามารถใช้วิธีหน้า 7 หลัง 7 ได้
วิธีนับหน้า 7 หลัง 7 อย่างถูกต้อง
· การนับหน้า 7 หลัง 7 จะเหมาะสำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนและไม่คาดเคลื่อนเท่านั้น โดยมีวิธีนับดังนี้
· หน้า 7 หมายถึง 7 วันก่อนประจำเดือนมา ตัวอย่างเช่น ประจำเดือนจะมาวันที่ 9 ดังนั้นระยะปลอดภัยคือวันที่ 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8
· หลัง 7 หมายถึง 7 วันหลังจากประจำเดือนมาวันแรก ตัวอย่างเช่น ประจำเดือนมาวันที่ 9 ให้นับวันที่ 9 เป็นวันที่ 1 แล้วนับต่อไปให้ครบ 7 วัน คือ 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15
ข้อควรระวังในการนับหน้า 7 หลัง 7
ถึงแม้ว่าวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 จะเป็นวิธีคุมกำเนิดที่สะดวกเพราะไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้ยุ่งยาก แต่ก็ไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่ได้ผล 100% และไม่ช่วยป้องกันโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ อีกทั้งยังไม่เหมาะกับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ตรงกันทุกรอบเดือน ทำให้มีประสิทธิภาพการคุมกำเนิดน้อยกว่าวิธีอื่นมาก รวมถึงเสี่ยงต่อการติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์
มั่นใจกับวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 ได้แค่ไหน
การคุมกำเนิดที่ดีจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะวันไข่ตกที่ผู้หญิงแต่ละคนจะมีระยะวันไข่ตกไม่เท่ากัน ดังนั้นวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 จึงไม่สามารถช่วยคุมกำเนิดได้ 100% เนื่องจากถ้าช่วงหน้า 7 หลัง 7 อยู่ในช่วงระยะไข่ตกก็จะมีโอกาสปฏิสนธิจนเกิดการตั้งครรภ์ได้ ข้อสำคัญคือการนับระยะปลอดภัยวิธีนี้ไม่เหมาะกับวัยรุ่น เนื่องจากเป็นวัยเจริญพันธุ์ที่มีช่วงไข่ตกบ่อยกว่าวัยอื่น ฮอร์โมนเพศยังทำงานไม่คงที่ จึงมีโอกาสตั้งครรภ์สูงกว่านั่นเอง
ใครไม่ควรใช้วิธีนับหน้า 7 หลัง 7
อย่างที่เราทราบกันดีว่าวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 จะเหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น หรือต้องสามารถคาดการณ์วันที่ประจำเดือนจะมาในแต่ละเดือนได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นการคุมกำเนิดด้วยการนับระยะปลอดภัยนี้จึงไม่เหมาะกับผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือมาไม่ตรงกันในแต่ละรอบเดือน
รวมข้อสงสัยเกี่ยวกับการนับหน้า 7 หลัง 7
1. คุมกำเนิดด้วยวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 แล้วหลั่งนอกจะท้องไหม การคุมกำเนิดด้วยวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้นกรณีที่มีการหลั่งนอกก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากขณะมีเพศสัมพันธ์ผู้ชายจะมีน้ำหล่อลื่นไหลออกมา โดยในน้ำหล่อลื่นนี้มีตัวอสุจิปนอยู่ด้วย ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้แม้ว่าจะหลั่งนอกก็ตาม
2. คุมกำเนิดด้วยวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 แล้วหลั่งในจะท้องไหม เมื่อระยะวันตกไข่ไม่แน่นอนก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ สืบเนื่องมาจากระหว่างที่นับวันมีการคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันทุกเดือน
3. มีเพศสัมพันธ์ในช่วงมีประจำเดือนจะท้องไหม แม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ช่วงมีประจำเดือนจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ปากมดลูกเปิด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบในฝ่ายหญิงได้ เสี่ยงต่อการเกิดโรคที่ลุกลามจนกลายเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งไม่แนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้
ในทางการแพทย์ถือว่าวิธีนับหน้า 7 หลัง 7 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยกว่าการคุมกำเนิดวิธีอื่น ๆ เช่น กินยาคุม ฉีดยาคุม ฝังยาคุม แผ่นแปะยาคุม และการใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น ดังนั้นขณะมีเพศสัมพันธ์จึงควรใช้อุปกรณ์ป้องกันร่วมกับการนับหน้า 7 หลัง 7 เพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
แสดงความคิดเห็นกันหน่อย 😎