เทคนิคการเขียน Resume ให้น่าสนใจ และมีโอกาสเรียกสัมภาษณ์สูง
สำหรับใครที่พึ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย หนึ่งในสิ่งแรกที่ต้องคิดต่อมาคือการหางานทำที่เหมาะสม และตรงสายที่ตนเองหวังไว้ ซึ่งการสมัครงานนั้นก็เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยมากมายที่ต้องศึกษาและเตรียมตัว แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดของการสมัครงานคือ Resume ที่จะเป็นหน้าเป็นตาให้เรา ให้ทางบริษัทที่สมัครไปได้ทำความรู้จักเบื้องต้น ก่อนที่จะไปทำความรู้จักแบบเจาะลึกในตอนสัมภาษณ์ ซึ่งในโพสต์นี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการเขียน Resume ให้น่าสนใจ มีโอกาสได้สัมภาษณ์งาน และเพิ่มโอกาสได้งานตรงสายงานที่ต้องการ
1.เลือก Format ของ Resume ให้เหมาะสมกับงานที่เราต้องการ
ก่อนที่จะเริ่มการเขียน Resume สิ่งแรกที่ต้องนึกถึงคือรูปแบบของ Resume ที่เราต้องการนำเสนอนั้นควรมีหน้าตาเป็นอย่างไร และจะถ่ายทอดออกมาประมาณไหน ซึ่ง Format ของ Resume ก็จะมี 2 รูปแบบคือ
- Function Resume
เป็น Resume ที่เหมาะสำหรับคนที่พึ่งเรียนจบใหม่ ๆ ไม่มีประสบการณ์ หรือคนที่ต้องการจะเปลี่ยนสายงาน โดยการเขียน Resume รูปแบบนี้ จะเป็นการนำเสนอความสามารถด้านต่าง ๆ ในการทำงานของเรา ว่ามีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง โดยตัวอย่างของการเขียนความสามารถของตัวเองให้น่าสนใจ คือการระบุถึงคุณสมบัติของเราที่คิดว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานได้ เช่น บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาต่างประเทศ อาจทำการระบุถึงคะแนนการสอบ TOEIC หรือหากมีความสามารถด้านภาษาอื่น ๆ อย่างภาษาญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เป็นต้น หรือหากใครที่มีความเชี่ยวชาญด้านโปรแกรมเฉพาะทางต่าง ๆ ก็ควรระบุให้ชัดเจน เพื่อให้ Resume มีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่สมัคร รวมทั้งอาจมีการให้คะแนนการใช้แต่ละโปรแกรม หรือความสามารถด้านภาษานั้น ๆ ให้เห็นชัดเจนว่าจุดแข็ง จุดด้อยของเรามีอะไรบ้าง เพื่อให้ Resume อ่านง่าย และเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- Chronological Resume
สำหรับการเขียน Resume แบบนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์การทำงานด้านนั้น ๆ มาพอสมควร โดยการนำเสนอจะเป็นการพูดถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ว่าเคยทำอะไรมาบ้าง ซึ่งจะเริ่มต้นจากตำแหน่งงานล่าสุดที่ทำ และค่อย ๆ เรียงลำดับงานที่ผ่านมา โดยเรียงลำดับจากตำแหน่งงานใหม่สุดไปจนเก่าสุด และภายในแต่ละตำแหน่งงานที่ผ่านมาควรจะพูดถึงหน้าที่การงานที่รับผิดชอบ รวมถึงโปรเจกต์งานที่ทำแล้วประสบความสำเร็จว่ามีอะไรบ้าง เพื่อนำเสนอความสามารถ และประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราให้ตรงกับคุณสมบัติที่ทางบริษัทนั้น ๆ ต้องการ หรือหากกรณีคนที่เป็นเด็กจบใหม่ อาจนำประสบการณ์ในช่วงที่ฝึกงาน และโปรเจกต์ที่เคยทำแล้วประสบผลสำเร็จมานำเสนอได้เช่นกัน
2.ข้อมูลส่วนตัว
อีกส่วนที่จำเป็นที่สุดของการเขียน Resume คือการระบุข้อมูลส่วนตัวให้โดดเด่นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ นามสกุล อายุ ที่อยู่ และวิธีการติดต่อ ซึ่งในส่วนนี้ควรทำให้เด่นชัดด้วยการใช้ฟอนท์ที่ใหญ่ และเห็นได้ง่าย เนื่องจากบางครั้ง HR อาจพิจารณาการเลือกสัมภาษณ์จากที่อยู่ที่เราใส่ หากเขาพบว่าที่อยู่ของเราอยู่ไม่ไกลจากบริษัท ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสการเรียกสัมภาษณ์ได้ไม่น้อย นอกจากนี้หากใครที่อยากนำเสนอ Portfolio ที่เป็นผลงานเพิ่มเติมก็อาจสามารถแนบลิงก์ หรือ QR Code เพื่อให้ทาง HR สามารถเข้าไปชมผลงานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
3.ประวัติการศึกษา
ในส่วนของประวัติการศึกษา ใช้วิธีการเขียน Resume เช่นเดียวกับ Chronological โดยจะเริ่มจากการศึกษาล่าสุดขึ้นต้น และค่อย ๆ พูดถึงการศึกษาก่อนหน้านั้น เรียงตามลำดับล่าสุดไปเก่าสุด ในส่วนของชื่อสถาบันศึกษาควรใส่ชื่อเต็มของสถาบันนั้น ๆ พร้อมทั้งระบุวุฒิที่ได้รับ และปีที่เริ่มศึกษา จนถึงปีที่จบ
สำหรับเรื่องเกรดเฉลี่ย หากเป็นเกรดที่ไม่ได้สวยงาม หรือเป็นเกรดที่สูงมาก อาจไม่จำเป็นต้องระบุไปใน Resume ก็ได้ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ทาง HR ต้องใช้ในการพิจารณาคือประสบการณ์ทำงาน และความสามารถของเราที่ตรงกับตำแหน่งมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้อาจสามารถเพิ่มเติมรางวัลที่เคยได้รับจากการอบรบ หรือการชนะการประกวดในกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่ดีใน การเขียน Resume ของเราเช่นกัน
4.ความสนใจ และจุดมุ่งหมายในอาชีพ
สำหรับบางบริษัทที่เป็นที่ทำงานแบบ Creative หรืองานที่ต้องการเน้นความคิดสร้างสรรค์ มักจะต้องการเห็นวิสัยทัศน์ของผู้สมัคร ว่าเหมาะสมต่อองค์กรมากน้อยแค่ไหน การสมัครงานตำแหน่งประมาณนี้จึงควรเพิ่มมุมมองและทัศนคติของตัวเรา เพื่อเป็นจุดขายเพิ่มเติมให้ การเขียน Resume มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการพูดถึงความสนใจและทัศนคติของตัวเราว่ามีอะไรบ้าง ที่สามารถนำไปใช้กับตำแหน่งงานนั้น ๆ ที่เราได้สมัครไป นอกจากนี้เรายังสามารถพูดถึงจุดมุ่งหมายของเราต่ออนาคตในการทำงานตำแหน่งที่สมัครไปว่ามีเป้าหมายที่จะพัฒนาองค์กร หรือตนเองอย่างไรบ้าง หากส่วนนี้สามารถเขียนให้ออกมาแตกต่างน่าสนใจ ก็อาจเป็นอีกส่วนที่ทำให้ HR สนใจในตัวเรามากยิ่งขึ้น แต่สำหรับคนที่สมัครงานที่เน้นใช้ความสามารถเป็นหลัก อย่างบัญชี พนักงานไอที หรืองานด้านเกี่ยวกับทักษะอาชีพเฉพาะทาง ก็ไม่จำเป็นต้องระบุส่วนนี้ลงไปก็ได้
5.ปรับ Resume ให้มีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่สมัคร
เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจใช้วิธีการทำ 1 Resume แล้วใช้สมัครงานตำแหน่งต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง แต่นั่นถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะแม้จะเป็นตำแหน่งงานเดียวกัน แต่ว่าแต่ละบริษัทก็จะมีความต้องการคนทำงานที่ต่างกันไป ดังนั้นการปรับ Resume ให้เหมาะสมต่อตำแหน่งงานที่สมัครก็เป็นอีกสิ่งที่ควรคำนึงถึงในการเขียน Resume โดยควรจะมีการอ่าน Job Description ก่อนเสมอว่า งานที่เราสมัครนั้นต้องการคนที่มีความสามารถ หรือทักษะอะไรบ้าง จากนั้นให้เราปรับตัว Resume เพื่อดึงจุดขายของตัวเองออกมาให้เหมาะกับที่บริษัทนั้น ๆ ต้องการ
6.พยายามกระชับ Resume ให้จบในหน้าเดียว
แม้ว่าการเขียน Resume ให้มีเนื้อหาที่น่าสนใจ และข้อมูลที่ครบครันตามที่บริษัทต้องการจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่กระนั้นหนึ่งในสิ่งที่ผู้เขียน Resume ควรคำนึงถึงไม่แพ้กันคือ การกระชับเนื้อหา Resume ให้ไม่ยาวเกินไป เพราะในบางครั้งบางบริษัทที่ไม่มี HR มาคอยพิจารณาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม แต่ตัวผู้บริหารหรือตัวเจ้าของจะเป็นคนพิจารณาคนที่สมัครด้วยตนเอง ทำให้บางครั้ง Resume ที่ยาวเกินไปจนมีแต่น้ำ มากกว่าเนื้อก็ถูกปัดตกได้ ดังนั้นส่วนใหญ่มักจะมีการเขียน Resume ในความยาวประมาณ 2 หน้ากระดาษ A4 เพื่อที่จะใส่ข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบตามที่เราต้องการ
แต่กระนั้น การเขียน Resume ที่จะมีโอกาสได้เรียกสัมภาษณ์มากยิ่งขึ้นคือการกระชับเนื้อหาให้เหลือเพียง 1 หน้ากระดาษ A4 จะเป็นการดีที่สุด เพราะการกระชับเนื้อหาให้สั้นและน่าสนใจนั้น จะทำให้ผู้พิจารณาที่มีเวลาน้อย สามารถเห็นข้อมูลของเราทั้งหมดผ่านเนื้อหา Resume เพียงหน้าเดียวของเรา โดยเนื้อหาด้านในอาจเป็นการเลือกเฉพาะคุณสมบัติ และความสามารถที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่เราสมัคร พร้อมทั้งพิจารณาว่าส่วนไหนที่เป็นน้ำ หรือส่วนที่ไม่น่าจะจำเป็นต่อองค์กรบริษัทที่เราสมัคร ก็อาจตัดทิ้งหรือเล่าให้กระชับลง
ข้อควรระวังในการเขียน Resume
หลังจากที่เราพอทราบวิธีการเขียน Resume ให้น่าสนใจไปแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีข้อควรระวังในการใส่ข้อมูลใน Resume ซึ่งแม้ว่าเราอาจมีคุณสมบัติ มีประสบการณ์ครบตามที่บริษัทนั้น ๆ ต้องการ แต่หากเราใส่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม หรือลำดับข้อมูลผิดพลาดก็อาจทำให้เราชวดงานนั้นไปเลยได้เช่นกัน
1.ไม่ควรใส่ข้อมูลส่วนตัวที่เยอะเกินจำเป็น
แน่นอนว่าข้อมูลส่วนตัวคือหนึ่งในหัวใจสำคัญของการเขียน Resume แต่ข้อมูลในส่วนนี้เราควรเลือกเฉพาะส่วนสำคัญ ที่จำเป็นในการติดต่อเท่านั้น ข้อมูลส่วนตัวบางอย่าง เช่น การนับถือศาสนา หรือข้อมูลการติดต่อที่ไม่จำเป็นอย่าง Line ID ไม่จำเป็นต้องใส่ลงมาใน Resume ก็ได้ เพราะหลัก ๆ แล้ว HR จะต้องการใช้เพียงเบอร์โทรในการติดต่อกลับไปเท่านั้น
2.ควรใช้ Email ที่เหมาะสมต่อการสมัครงาน
เชื่อว่าคนยุคนี้หลายคนมักจะมีหลายอีเมลในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นอีเมลสำหรับสมัครในเว็บไซต์ต่าง ๆ หรืออีเมลในการใช้ทำงาน ซึ่งข้อควรระวังคือการเลือกใช้อีเมลที่มีชื่อแปลกประหลาด หรือชื่อที่แสดงตัวตนเรามากจนเกินไป เช่น การใส่ชื่อศิลปินที่ชอบ หรือคำที่มีความหมายหยาบคายลงในชื่อเมล ที่อาจสื่อถึงความทีเล่นทีจริง ไม่มีความเป็นมืออาชีพในการทำงาน
3.ไม่ควรโอ้อวดความสามารถที่เกินจริงจนเกินไป
แม้ว่าการเขียน Resume ที่น่าสนใจจะต้องเน้นไปที่ประสบการณ์ทำงานและความสามารถเป็นจุดขาย แต่กระนั้นหนึ่งในสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง คือการโกหกด้านความสามารถของตนเองจนเกินจริง เพราะเดิมทีแล้ว HR กว่าครึ่งจะคิดว่าคุณสมบัติใน Resume คือคุณสมบัติที่เกินจริง จึงต้องมีการทดสอบผ่านการสัมภาษณ์ ดังนั้นเราควรนำเสนอจุดขายด้านความสามารถในแบบที่พอดี อาจดึงส่วนที่เราเก่งจริง ๆ มาใช้เป็นจุดขาย ส่วนจุดที่ไม่ได้โดดเด่นนักเราอาจระบุว่าสามารถทำสิ่ง ๆ นี้ได้ถนัดมากน้อยแค่ไหน หรืออาจใช้เป็นคะแนนความสามารถระบุอย่างตรงไปตรงมา แม้อาจจะไม่ได้ทำให้เราดูเก่งกาจมากนัก แต่มันก็ทำให้ Resume ของเรามีความซื่อตรง จริงใจ ที่อาจเป็นอีกคุณสมบัติที่ HR ต้องการก็ได้
4.จัดรูปแบบ Resume ให้ออกมาดูอ่านยากจนเกินไป
เชื่อว่าคนสมัครงานในยุคนี้แต่ละคนก็จะมีการแต่ง Resume ให้ดูสวยงาม อลังการในรูปแบบที่แตกต่างกันไป เพื่อเป็นหน้าเป็นตาต่อ Resume ของเรา แต่กระนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงสำหรับการจัดรูปแบบ หน้าตาของ Resume ให้มีความชัดเจน บางครั้งผู้เขียน Resume อาจเน้นความสวยงามของหน้าตาเป็นหลัก จนลืมคำนึงถึงการนำเสนอจุดขาย ความสามารถ และข้อมูลที่จำเป็น ทำให้ส่วนที่ HR จำเป็นต้องพิจารณา ไปอยู่ในจุดที่ไม่เด่นชัด หรือทำให้ Resume อ่านไม่รู้เรื่อง
ดังนั้นการจัดหน้าตา รูปแบบของ การเขียน Resume เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจมาก ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะบรรดาข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่กล่าวไปในข้างต้น เช่น ข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประสบกาณ์ทำงาน และความสามารถ ที่ต้องโดดเด่นชัดเจน มีการใช้สี ใช้ขนาดของฟอนต์ที่กำลังดี และต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ดูรกตาจนเกินไป
โดยสรุป การเขียน Resume ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการสมัครงานที่ควรให้ความสำคัญ เพราะมันคือด่านแรกที่จะทำให้เราได้รับการพิจารณาได้สัมภาษณ์งานหรือไม่ ซึ่งหลักการเขียน Resume ที่ถูกต้องอาจไม่ได้มีตายตัวชัดเจน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริษัทที่เราสมัคร และส่วนที่เราอยากนำมาเป็นจุดขาย ที่ควรจัดรูปแบบให้เหมาะสม เชื่อว่าหากลองนำคำแนะนำที่แนะนำไปในบทความนี้ไปปรับใช้ในการสมัครงานของคุณ อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการได้ทำงานที่หวัง และตำแหน่งงานที่ต้องการมากขึ้นไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนโชคดีกับการสมัครงาน
📚 อ้างอิง (Reference Sites)
📙 บทความที่เกี่ยวข้อง (Internal Resources)
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
แสดงความคิดเห็นกันหน่อย 😎